
นายทศพร จิตตวีระ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟลอยด์ [FLOYD] เปิดเผยว่า ครึ่งหลังปี 68 บริษัทเดินหน้าธุรกิจอย่างแข็งแกร่งและมุ่งเติบโตในระยะยาว จากแนวโน้มอุตสาหกรรมก่อสร้างและเทคโนโลยีที่ฟื้นตัว รวมถึงความต้องการด้านศูนย์ข้อมูลและดิจิทัลโซลูชั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ แนวโน้มอุตสาหกรรม Data Center คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 12% ต่อปีจนถึงปี 2030 จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลใน EEC และโครงการ Hyperscale จากผู้ให้บริการระดับโลก เช่น AWS, Google, TikTok และ Microsoft สร้างโอกาสโดยตรงแก่ผู้รับเหมาระบบ MEP ที่มีความเชี่ยวชาญอย่าง FLOYD ที่อยู่ในจุดแข็ง และสามารถรองรับความต้องการโครงการด้านดาต้าเซ็นเตอร์ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยทีมงานมืออาชีพที่เชี่ยวชาญ เทคโนโลยีที่ทันสมัย และความมุ่งมั่นสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ขณะที่ผลประกอบการครึ่งปีแรกปีนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของ FLOYD มีการเติบโตที่ชัดเจนทั้งในด้านรายได้และกำไร โดยมีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 183% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้รวมแตะ 359 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 75% ซึ่งเป็นผลจากการส่งมอบโครงการที่เป็นไปตามแผน และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะโครงการ Data Center ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ไตรมาส 2/68 ได้กลายเป็นหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญของรายได้บริษัทในปีนี้ สะท้อนถึงศักยภาพของ FLOYD ในฐานะผู้รับเหมางานระบบสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ตอบโจทย์ตลาดดิจิทัลที่กำลังเติบโต
ณ สิ้นไตรมาส 2 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 541.03 ล้านบาท ครอบคลุม 4 กลุ่มโครงการหลัก ได้แก่ อาคารสำนักงาน, อาคารพักอาศัย, ห้างสรรพสินค้า และศูนย์ข้อมูล (Data Center) ทั้งนี้ ไตรมาส 2 เพียงไตรมาสเดียว FLOYD ทำรายได้รวม 192.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.81% และมีกำไรสุทธิ 21.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 120.92% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนสะท้อนถึงความสามารถในการรักษาอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง