
นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น [PRI] กล่าวว่า ท่ามกลางภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีความท้าทาย บริษัทยังคงเชื่อมั่นในกลยุทธ์ "Focus On Core" Optimize for Sustainable Growth ที่มุ่งสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน สำหรับครึ่งปีหลัง PRI เดินหน้า ปรับโครงสร้างองค์กร แบ่งการบริหารออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ Brokerage, Living และ Engineering โดยหวังว่าโครงสร้างใหม่จะช่วยให้แต่ละกลุ่มธุรกิจมีความคล่องตัว โฟกัสการดำเนินงานเชิงลึก และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในครึ่งปีหลัง คือการ ขยายธุรกิจฝากขาย-ปล่อยเช่า และบริหารนิติบุคคลโครงการไปยังจังหวัดภูเก็ต ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง โดยมีดีมานด์จากทั้งลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ รองรับการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนอสังหาฯ ในพื้นที่ พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงมองหาโอกาสจากโครงการใหม่ ๆ ในพื้นทีต่างจังหวัดเพื่อเจาะตลาดที่มีศักยภาพด้านการลงทุนและการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย ซึ่งคาดว่าจะช่วยขยายฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้ในระยะกลางถึงยาว
"จุดแข็งของ PRI คือการดำเนินธุรกิจภายใต้คอนเซ็ปต์ "All in One Service" ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การซื้อ-ขาย-เช่าอสังหาริมทรัพย์ การบริหารนิติบุคคลโครงการ ไปจนถึงการให้บริการด้านงานก่อสร้างและซ่อมบำรุง ทำให้เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร และรักษาการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งมอบคุณค่าที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าซึ่งเป็นหัวใจของงานบริการตามหลัก Happy Maker for All ทั้งนี้ โมเดลธุรกิจแบบครบวงจรยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในหลายมิติ" นายสุรินทร์ กล่าว
ทั้งนี้ PRI เชื่อมั่นว่าแผนการปรับโครงสร้างและการขยายตลาดครั้งนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายรายได้และกำไรทั้งปี ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านขนาดธุรกิจ ส่วนแบ่งตลาด และการสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น PRI ขอขอบพระคุณความไว้วางใจและการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น ลูกค้า และพันธมิตรทางธุรกิจมาโดยตลอด และเชื่อว่าด้วยความมุ่งมั่นของทีมงาน รวมถึงแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจน จะสามารถขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคง และสร้างผลลัพธ์ที่ดีอย่างยั่งยืนเพื่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
สำหรับ ผลการดำเนินงาน ในไตรมาส 2/68 (เม.ย.-มิ.ย.) บริษัทฯมีรายได้ 433 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากไตรมาสก่อน (QoQ) และมีกำไรสุทธิรวม 52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากไตรมาสก่อน (QoQ) จากผลประกอบการดังกล่าว บริษัทมุ่งเน้นนำเสนอแพ็คเกจบริการลูกค้าครบวงจรแบบ All-in-One Services เคียงข้างทุกช่วงชีวิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ที่ครอบคลุมทุกด้านของความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทในครึ่งปีแรก 2568 (ม.ค.-มิ.ย.) มีรายได้รวม 783 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 91 ล้านบาท