นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ท่าอากาศยานไทย [AOT] หรือ ทอท. เปิดเผยความคืบหน้าการศึกษาทบทวนแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประจำปี 2568 ว่า ปัจจุบันคืบหน้ากว่า 70% คาดศึกษาเสร็จเดือนต.ค. 68 และนำเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.และกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายในปี 2568
การศึกษาแผนแม่บทฯ ล่าสุด ได้มีการรับฟังความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งสายการบิน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ใช้บริการอย่างรอบด้าน โดย จะเป็นการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้านทิศใต้ ประกอบด้วย อาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ (South Terminal) และทางวิ่งเส้นที่ 4 (4th Runway) โดยอาคารผู้โดยสารทิศใต้ จะรองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 55 ล้านคนต่อปี เมื่อรวมกับกลุ่มอาคารเดิม 70 ล้านคน เป็น 120 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะสอดคล้องกับขีดความสามารถของรันเวย์จำนวน 4 เส้น
ดังนั้นแผนแม่บทฯพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิล่าสุด จะมีขีดความสามารถที่ 120 ล้านคนต่อปี ซึ่งตรงกับแผนแม่บทฉบับปี 2546 และทุกฉบับที่เคยมีการทบทวนมา ส่วนก่อนหน้านี้ มีการวางแผนจะขยายเป็น 150 ล้านคนต่อปี แต่ถือเป็นแนวคิดในช่วงเวลานั้น เมื่อทำการศึกษาแผนแม่บท ผู้เชี่ยวชาญระดับโลก พบว่า 120 ล้านคนต่อปี เหมาะสมกว่า
"อาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 55 ล้านคนต่อปี ถือเป็นอาคารขนาดใหญ่มากแล้ว เพราะ สนามบินฉงชิ่ง ใหญ่มาก รับไม่เกิน 55 ล้านคนต่อปี การพัฒนาต้องดูความเป็นไปได้ของขนาดพื้นที่ เพื่อให้การบริการเกิดความสะดวกที่สุดด้วย ไม่เช่นนั้น สายการบินก็ไม่อยากมาใช้บริการ"สำหรับโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก (East Expansion) มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ขณะนี้ ทอท.ได้เสนอไปที่กระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เพื่อขออนุมัติแล้ว โดยทอท.ได้ตอบคำถามของกระทรวงคมนาคมเรียบร้อย ส่วนสภาพัฒน์ฯอยู่ระหว่างชี้แจง จากนั้นจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
สาเหตุที่ต้องเสนอครม.ขออนุมัติ โครงการส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออกใหม่ เนื่องจากมีการทบทวนการศึกษาเดิม ตั้งแต่ปี 2559 จึงมีการปรับเปลี่ยน และเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสมกับปัจจุบัน รวมถึงเทคโนโลยีการให้บริการเพิ่มขึ้นในอาคาร ส่งผลให้งบประมาณเปลี่ยนแปลงไปด้วย และต้องศึกษา EIA ใหม่ด้วย ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลหาผู้รับจ้างได้ในต้นปี 2569 ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4 ปี แล้วเสร็จในปี 2573 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถรวมจากเดิม 65 ล้านคนต่อปี เป็น 70-80 ล้านตนต่อปี
"ปัจจุบัน สุวรรณภูมิมีผู้โดยสาร 60 ล้านคนต่อปีแล้ว ซึ่งเป้าหมายของกลุ่มอาคารผู้โดยสารหลัก อาคาร SAT-1 และ East Expansion และมี 3 รันเวย์ ควรมีศักยภาพรวมกันไม่น้อยกว่า 70 ล้านคน/ปี โดยคาดการณ์ว่าอีก 4- 5 ปีข้างหน้าเมื่อก่อสร้าง East Expansion เสร็จ ผู้โดยสารสุวรรณภูมิจะเติบโตไปอยู่ที่ประมาณ 67 ล้านคนต่อปี ซึ่งเป็นการปรับคาดการณ์ลดลงจากเดิมที่คาดจะมีผู้โดสารถึง 75 ล้านคนต่อปี เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับคืนมา"นอกจากนี้ ยังมีโครงการระบบลำเลียงกระเป๋าสัมภาระขาเข้า ระหว่างอาคารผู้โดยสารหลัก Main Terminal กับอาคาร SAT-1 วงเงินประมาณ 3,900 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในขั้นตอนเสนอขออนุมัติ ครม. ซึ่งจะเป็นการลงทุนเพื่อรองรับการเชื่อมต่อไปยังอาคารทิศใต้ด้วย โดยปัจจุบัน มีระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระ อาคารผู้โดยสารหลักกับอาคาร SAT-1 เฉพาะขาออก เท่านั้น ส่วนขาเข้าเป็นระบบรถขนส่งเข้ามา ทำให้ยังไม่สะดวกและมีการตัดกระแสในพื้นที่ airside ด้วย
สำหรับการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมืองระยะที่ 3 วงเงินลงทุน 36,829.499 ล้านบาท โดยจะขยายขีดความสามารถในการรองรับปริมาณผู้โดยสารจากปัจจุบันที่ 30 ล้านคนต่อปี เป็น 40 ล้านคนต่อปี และสามารถบริหารจัดการให้รองรับผู้โดยสารสูงสุดได้ถึง 50 ล้านคนต่อปี ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแบบละเอียด ซึ่งพบว่า มีรายละเอียดที่ไม่ตรงกับที่ครม.อนุมัติ เช่น มีการปรับลดหลุมจอดอากาศยานลดลงจากเดิม 16 หลุมจอดเหลือ 14 หลุมจอด เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการทำงานภาคพื้น โดยไปเพิ่มหลุดจอดจุดอื่นแทน , ตัดอาคารสำนักงานสายการบินให้มาใช้พื้นที่ในอาคารผู้โดยสาร ,เพิ่มอาคาร Junction Terminal จากเดิมที่ตัดออก เพื่อไปลงทุน PPP ซึ่งเห็นว่าควรก่อสร้างไปพรัอมกับการพัฒนาเฟส 3 เพื่อให้เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งจะมีบริการเช็คอินผู้โดยสารสะดวกมากขึ้น ,ปรับปรุงถนน และจัดเส้นทางจราจร หน้าอาคารผู้โดยสาร ไม่ให้เกิดปัญหาจราจร เป็นต้น
โดยคาดว่าจะทบทวนอีกประมาณ 3 เดือน และสรุปและนำเสนอบอร์ด และอาจต้องเสนอครม.เพราะถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ต่างจากมติครม.เดิม