BTS ลบ 2.29% มาที่ 3.42 บาท ลดลง 0.08 บาท มูลค่าซื้อขาย 165.85 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.30 น. จากราคาเปิด 3.50 บาท ราคาสูงสุด 3.52 บาท ราคาต่ำสุด 3.42 บาท
แหล่งข่าวจาก บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ [HMPRO] เผยว่า ในวันนี้ผู้จัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท [BTSGIF] ได้เรียกประชุมผู้ถือหน่วยเพื่อขออนุมัติการเข้าร่วมโครงการนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยหากผู้ถือหน่วยฯไม่อนุมัติก็อาจทำให้โครงการดังกล่าวเดินหน้าต่อลำบาก
ขณะเดียวกัน บริษัทฯก็ยังเจรจาส่วนแบ่งกับทางกระทรวงคมนาคมกันไม่จบ ซึ่งตามไทม์ไลน์ควรจะได้ข้อสรุปในวันนี้ โดยในส่วนของ BTS คาดว่ากระทรวงคมนาคมจะจ่ายชดเชยค่าโดยสารประมาณ 6 พันล้านบาท แต่ตัวเลขยังไม่แน่นอน ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะนำเงินส่วนไหนมาชดเชย เพราะขณะนี้ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมฯ ยังไมได้เข้าสภาฯ
ด้าน บล.ทิสโก้ ระบุว่า คำถามส่วนใหญ่ในการประชุมนักวิเคราะห์ของ BTS มุ่งเน้นไปที่นโยบายค่าโดยสารคงที่ 20 บาทของรัฐบาลสำหรับระบบขนส่งมวลชนทางราง ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มในวันที่ 1 ต.ค.68 ผู้บริหารระบุว่ารัฐบาลจะชดเชยรายได้ค่าโดยสารพื้นฐานเต็มจำนวน 100% สำหรับรายได้ที่สูงกว่าพื้นฐานรัฐบาลจะแบ่งค่าใช้จ่ายระหว่างรัฐบาลและบริษัท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา บริษัทคาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ในเร็วๆ นี้
และเนื่องจาก BTSGIF จำเป็นต้องแจ้งผู้ถือหน่วยเพื่อขออนุมัติ หากไม่ได้รับการอนุมัติ นโยบายดังกล่าวอาจไม่สามารถดำเนินการได้ ขณะที่บริษัทคาดว่านโยบายนี้จะช่วยสนับสนุนผลประกอบการในช่วงต่อไป โดยค่าโดยสาร 20 บาท มีแนวโน้มเพิ่มจำนวนผู้โดยสารทั้งระบบ 3040% ซึ่งจะช่วยยกระดับการเข้าถึงและความสามารถในการจ่าย อีกทั้งยังเป็นผลบวกต่อธุรกิจสื่อโฆษณา (MIX segment) จากการมองเห็นที่มากขึ้น
แม้ว่าเราคาดว่ากำไรจะปรับตัวดีขึ้น แต่กำไรน่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากค่าใช้จ่ายทางการเงินที่สูงขึ้นหลังจากการรวมกิจการของ RABBIT ซึ่งน่าจะค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจาก RABBIT วางแผนที่จะขายสินทรัพย์บางส่วนและนำเงินที่ได้ไปชำระหนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีหนี้ค้างชำระจากกรุงเทพมหานคร จำนวน 3.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้กำลังเตรียมนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อสภากรุงเทพมหานครเพื่อขออนุมัติในเร็วๆ นี้ หาก BTS ได้รับเงินดังกล่าว บริษัทตั้งใจที่จะนำเงินไปลดหนี้และลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในอนาคต การบังคับใช้นโยบายค่าโดยสารคงที่ 20 บาท น่าจะช่วยชดเชยผลขาดทุน 1.6 พันล้านบาทต่อปี จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง แม้ว่าจุดคุ้มทุนอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี
เรายังคงประมาณการกำไร โดยคาดการณ์การฟื้นตัวในไตรมาสต่อๆ ไป มูลค่าที่เหมาะสมที่คำนวณจากวิธี SOTP ของเรายังคงเดิมที่ 6.00 บาท และเรายังคงคำแนะนำ "ถือ" ความเสี่ยงด้าน downside ที่สำคัญ ได้แก่ จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า BTS สายสีเหลือง และสายสีชมพูที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งอาจกดดันการคาดการณ์รายได้ และอัตรากำไร