
เบื้องหลังแห่งของความสำเร็จในการออกจากแผนฟื้นฟูและ "กลับเข้ามาเทรด" อีกครั้งของหุ้น บมจ.การบินไทย หรือ THAI ที่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ "การคัมแบ็ก" แบบปกติของบริษัททั่วไปเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึง "บทเรียน ความพยายาม และความสามารถพลิกฟื้นกิจการ" ที่คนทั้งโลกต่างเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด
ย้อนกลับไปเพียงไม่กี่ปีก่อน บริษัทเผชิญวิกฤตหนักจากปัญหาด้านกลยุทธ์ การบริหารจัดการ และธรรมาภิบาล ที่ทำเอาจนอ่อนแอและถูกตอกย้ำ เข้าด้วยวิกฤต การระบาดของ Covid-19 จนต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ

คำถามสำคัญที่หลายคนอาจมองข้ามคือ เบื้องหลังความสำเร็จอันโดดเด่นนี้มาได้อย่างไร?
คงต้องยกเครดิตให้กับทุกคนที่มีส่วนร่วมผลักดันลงแรง ขับเคลื่อนจนมาถึงจุดนี้ ทั้งในส่วนของกระทรวงการคลังที่เป็นองค์กรหลักในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ และเจ้าหนี้รายสำคัญ
ตลอดจน การมีวิสัยทัศน์ เจตนารมณ์ และความเด็ดเดี่ยวในการนำบริษัทเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ ตั้งแต่การสร้างแผน และ บริหารแผนให้บรรลุเป้าหมาย แม้จะเป็นเส้นทางที่ยากลำบากด้วยข้อจำกัดสารพัด แต่ด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบและการดำเนินการอย่างเข้มงวด ทำให้ หุ้น THAI กลับมาบินขึ้นท้องฟ้าได้อย่างสง่างามยิ่งกว่าเดิม
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการตัดสินใจชี้ขาดครั้งสำคัญ คือ การเพิ่มทุนเข้ามาจำนวนกว่า 20,000 ล้านบาทในห้วงเวลาขณะนั้นที่แทบจะไม่มีใครเชื่อมั่นในบริษัทและยอมใส่เงินใหม่เพิ่มทุนเข้ามา
โดยทั้งหมดนี้ ทาง "กระทรวงการคลัง" ได้เข้ามาแบกรับภาระนี้ คิดเป็นเกือบทั้งหมดของมูลค่าการเพิ่มทุน ซึ่งส่งผลให้ THAI มีส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นจากเดิม 30,000 ล้านบาท เป็น 50,000 กว่าล้านบาทในปัจจุบัน กลายเป็นสถานะฐานทุนที่มีความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว เพื่อรองรับการลงทุนที่จำเป็นในการพลิกฟื้นอย่างยั่งยืนและ รองรับการแข่งขันธุรกิจในระยะยาว
ยิ่งไปกว่านั้น "กระทรวงการคลัง" ยังมีบทบาทสำคัญในการชักจูงดึง "ทีมบุคลากรคุณภาพและผู้บริหารมืออาชีพ" เข้ามาร่วมขับเคลื่อน ซึ่งถือเป็น "ภารกิจเพื่อชาติ" ในการวางรากฐานธรรมาภิบาลที่โปร่งใส ลดความขัดแย้ง และเสริมสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ จนทำให้การบินไทยกลับมาโดดเด่นในสายตาของชาวโลกอีกครั้ง
เชื่อแน่ว่า ถ้าไม่ได้องค์กรระดับประเทศ อย่าง "กระทรวงการคลัง และ ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ" ลงมาลุยเอง การจะผลักดันบริษัทใหญ่โต อย่าง THAI ที่มีรายได้ปีละหลายแสนล้านให้สามารถกลับมาแข่งขันอย่างดุเดือดในเวทีโลก ย่อมไม่สำเร็จถึงฝั่งอย่างแน่นอน
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับ THAI ในวันนี้จึงไม่ใช่ผลงานของใครคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เกิดจากพลังร่วมของทุกภาคส่วน ตั้งแต่ ผู้ถือหุ้น เจ้าหนี้ ที่ให้วิสัยทัศน์และการสนับสนุน คณะกรรมการที่วางนโยบาย ผู้บริหารและพนักงานที่ลงมือปฎิบัติด้วยหัวใจสู้เต็มร้อย
รวมถึง พันธมิตรทางธุรกิจทั้งหลาย และทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ต่างร่วมแรงร่วมใจในการพลิกฟื้นสายการบินแห่งชาติให้กลับมาทรงพลังอีกครั้ง
นอกจากคุณูปการดังกล่าวแล้ว ในมุมของ "ตลาดทุน" ก็ต้องยอมรับว่า นับตั้งแต่ หุ้น THAI กลับเข้ามาเทรดอีกครั้ง (Resume Trade) ปริมาณการซื้อขายโดยรวมของตลาดในช่วง 7 วันทำการถัดมาเพิ่มขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า
ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ปลุก Sentiment ให้กับตลาดหุ้นไทยในภาพรวม อีกทั้งยังดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาร่วมซื้อขายหุ้น THAI จนทำให้เกิดสภาพคล่องและความเชื่อมั่นกับตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นอีกด้วย
สิ่งเหล่านี้ ได้สะท้อนให้ผู้ลงทุนสถาบันทั้งไทยและต่างประเทศ ได้เห็นตัวอย่าง ของบริษัทไทยที่สามารถพลิกฟื้นจากการขาดทุนสาหัส ให้กลับมาแข่งขันได้ในระดับโลก
นอกจากนี้ ยังมีผลดีในแง่ของผลประกอบการที่เป็นกำไรสุทธิของ THAI ที่ออกมาแล้วนั้น จะส่งผลผลักดันให้ผลรวมของกำไรสุทธิ(EPS) ของบริษัทจดทะเบียนที่กำลังรอประกาศจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่มีการคาดการณ์กันว่าไตรมาส 2/68 มีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์เลยก็ว่าได้
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ในอีกมติหนึ่ง ยังเป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยยังมี "สินค้าดี" อยู่ อย่างหุ้น THAI ที่จะช่วยเกื้อหนุนและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับตลาดทุนไทยในระยะยาวต่อไป
การกลับมาของหุ้น THAI ครั้งนี้ ถือเป็น "Case Study" ที่ทำให้เห็นว่าแม้บริษัทจะเจอวิกฤติหนักแค่ไหน หากมีแผนฟื้นฟูที่จริงจัง และคนเขียนแผนอย่างมืออาชีพ บวกกับการกลับเข้ามาเทรดในจังหวะที่เหมาะสม
"ความสำเร็จ ย่อมเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน"ธิติ ภัทรยลรดี