สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (18 - 22 สิงหาคม 2568)
ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 491,557 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 98,311 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 101% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 51% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 253,072 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว เป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 194,063 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 20,437 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39% และ 4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB266A (อายุ .8 ปี) LB26DA (อายุ 1.3 ปี) และ LB456A (อายุ 19.8 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 15,006 ล้านบาท 14,184 ล้านบาท และ 14,032 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) รุ่น SPALI278A (Non-Rated) มูลค่าการซื้อขาย 1,753 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) รุ่น SPALI288A (Non-Rated) มูลค่าการซื้อขาย 1,040 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) รุ่น CPAXT27OC (AA-) มูลค่าการซื้อขาย 708 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลง 2-5 bps. ด้านปัจจัยต่างประเทศ รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 29-30 ก.ค. ระบุว่ากรรมการเฟดได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ แม้กรรมการส่วนใหญ่ จะมีความเห็นตรงกันว่ายังเร็วเกินไปที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็ตาม และเหมาะสมที่จะคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 4.25% - 4.50% ขณะที่บริษัทเอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) คงอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ที่ระดับ AA+ แนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือยังคงมีเสถียรภาพ ด้านปัจจัยในประเทศ กระทรวงการคลังโดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตร วันที่ 20 ส.ค. (E-Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ครั้งที่ 4 ครบวงเงิน 25,000 ล้านบาท มี Source bonds จำนวน 1 รุ่น ได้แก่ LB266A ขณะที่มี Destination bonds จำนวน 6 รุ่น ได้แก่ LB303A, LB353A, LB456A, LBA506A, LB556A, และ LB726A ขณะที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ประจำไตรมาส 2/2568 ขยายตัว 2.8% สูงกว่าจากตลาดคาดไว้ที่ 2.5-2.7% พร้อมทั้งปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจปี 2568 จะขยายตัวในกรอบ 1.8-2.3% จากเดิมคาดไว้ที่ 1.3-2.3%
สัปดาห์ที่ผ่านมา (18 - 22 สิงหาคม 2568) กระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออกตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 2,469 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น (ST) (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 1,253 ล้านบาท และขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (LT) (อายุมากกว่า 1 ปี) 3,723 ล้านบาท และไม่มีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price Index) เปลี่ยนเป็น ดัชนีหุ้นกู้เอกชน(MTM Corp Bond Gross Price Index) ตั้งแต่ ม.ค. 2565
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (18 - 22 ส.ค. 68) 13 - 15 ส.ค. 68) (%) (1 ม.ค. - 22 ส.ค. 68) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 491,557.41 245,083.32 100.57% 13,978,806.01 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 98,311.48 81,694.44 20.34% 90,771.47 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 117.25 116.62 0.54% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (MTM Corp Bond Gross Price Index) 109.85 109.8 0.05% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (22 ส.ค. 68) 1.31 1.3 1.27 1.14 1.16 1.35 1.53 1.93 สัปดาห์ก่อนหน้า (15 ส.ค. 68) 1.33 1.32 1.31 1.15 1.18 1.36 1.56 1.98 เปลี่ยนแปลง (basis point) -2 -2 -4 -1 -2 -1 -3 -5