
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ทุกคนต่างใช้ AI หรือ Artificial Intelligence ในชีวิตประจำวันกันมากขึ้นไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งการใช้ AI โดยปรกติผู้ใช้งานจะพิมพ์ข้อมูล ข้อเท็จจริง และคำสั่งหรือคำถามให้ AI นั้น ๆ ประมวลผลออกมาเป็นคำตอบ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผู้ใช้จะต้องเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ กับ AI
Sam Altman ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ OpenAI เจ้าของและผู้พัฒนา ChatGPT หนึ่งใน AI ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกได้ออกมาเตือนว่า ข้อมูลที่ผู้ใช้นำไปป้อนให้กับ AI อาจถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลได้ ซึ่งเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลต่อสังคมอย่างมาก เนื่องจากในปัจจุบัน AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ได้เข้ามามีบทบาทใกล้ชิดกับชีวิตประจำวัน หลายคนพูดคุยกับ AI ราวกับเป็นเพื่อนสนิท นักบำบัด หรือที่ปรึกษาส่วนตัว เปิดเผยความลับ ความกลัว และข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน โดยไม่ตระหนักว่าข้อความเหล่านั้นอาจย้อนกลับมาส่งผลกระทบในอนาคต
เนื่องจากข้อมูลซึ่งพิมพ์หรือป้อนให้กับ AI ไม่ได้หายไปไหน แต่ยังคงถูกจัดเก็บและอาจถูกเข้าถึงได้ ทั้งโดยบริษัทผู้พัฒนา AI ต่าง ๆ ที่ใช้เพื่อปรับปรุงโมเดล หรือเพื่อการตรวจสอบการใช้งาน มีความเสี่ยงจากแฮกเกอร์ที่สามารถเจาะระบบและนำข้อมูลออกไปเผยแพร่หรือขายต่อ รวมถึงหน่วยงานรัฐหรือองค์กรด้านความมั่นคงที่มีอำนาจเรียกขอข้อมูลเหล่านี้ได้ตามกฎหมาย สะท้อนให้เห็นว่าการสื่อสารกับ AI ไม่ใช่ความลับหรือข้อมูลจะหายไปหลังจากลบคำสั่งหรือข้อความหลังจากการใช้งาน
แม้นโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะระบุไว้อย่างชัดเจนว่าการสนทนาจะถูกลบ แต่โดยปรกติจะมีข้อยกเว้นสำคัญที่ว่า หากบริษัทหรือผู้พัฒนาจำเป็นต้องเก็บข้อมูลไว้ด้วยเหตุผลด้านกฎหมายหรือความปลอดภัย ข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ใช้ป้อนเข้าระบบอาจยังคงอยู่ แม้ผู้ใช้จะเข้าใจว่าตนได้ลบไปแล้วก็ตาม
นอกจากนั้นแล้ว การพูดคุยกับ AI เป็นระยะเวลานาน รวมถึงการป้อนหรือให้ข้อมูลที่มีความอ่อนไหวกับ AI โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อมูลเชิงพฤติกรรม ความคิด ความเชื่อ และสภาพจิตใจของผู้ใช้ ก็อาจถูกนำไปใช้สร้างการวิเคราะห์เชิงจิตวิทยาและการทำโปรไฟล์ส่วนบุคคล (Profiling) เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมในอนาคตของบุคลลนั้น ๆ หรือแม้กระทั่งใช้ชักจูงและควบคุมการตัดสินใจของบุคคลโดยที่เจ้าของข้อมูลไม่รู้ตัว
แม้ AI จะเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่สังคงทั่วโลกกำลังเรียนรู้ที่จะใช้งาน แต่อย่างไรก็ตามสังคมควรตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความลับและการปกป้องสิทธิส่วนบุคคลโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลผู้เป็นเจ้าของข้อมูล ในวันที่กฎหมายหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของ AI ยังไม่ชัดเจน ผู้ใช้งานควรใช้ความระมัดระวังในการสื่อสารกับ AI โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัวหรือเรื่องที่มีความอ่อนไหว เพราะทุกข้อความอาจกลายเป็นหลักฐานที่ย้อนกลับมามีผลทางกฎหมายได้ในอนาคต
นายปรุงศักดิ์ เชาวน์ชาติ ทนายความหุ้นส่วนบริหาร กลุ่มสำนักงานกฎหมายอเบอร์
อนุญาโตตุลาการผู้เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ประจำสถาบันอนุญาโตตุลาการ (THAC)