นางสาววรัญรัชต์ อัสสานุพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน บมจ.เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล [AAI] เปิดเผยในกิจกรรม Opportunity Day คาดว่า ผลจากมาตรการภาษีตอบโต้จะกระทบกำลังซื้อของผู้บริโภคในตลาดสหรัฐฯ และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์จะกระทบต่อยอดขายและอัตรากำไรสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงของกลุ่มบริษัท จึงปรับประมาณการยอดขายปี 2568 ลดลงจาก 7,400 ล้านบาท เหลือ 7,100 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงประมาณ 6,300 ล้านบาท กลุ่มอาหารพร้อมรับประทานบรรจุภาชนะปิดผนึกประมาณ 700 ล้านบาท และปรับประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นลงมาอยู่ประมาณ 16-18%
ทั้งนี้ ในระยะยาว บริษัทยังคงมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพด้านการผลิต พร้อมเดินหน้าแผนขยายกำลังการผลิต เพื่อรักษาขีดความสามารถทางการแข่งขัน เนื่องจากตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงยังคงเติบโต ตามเทรนด์การเลี้ยงสัตว์เสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Humanization) กระแสการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง ตลอดจนความนิยมในผลิตภัณฑ์ที่มีกระบวนการผลิตที่ให้ความสำคัญกระบวนการด้านความยั่งยืน โดยใช้ความได้เปรียบด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้า ทั้งผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์แบบเปียก แบบเม็ด และผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมสุขภาพสัตว์เลี้ยง ตลอดจนความได้เปรียบของประเทศไทยที่เป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญ ในขณะที่อัตราภาษีตอบโต้ของประเทศไทยก็ไม่ได้สูงกว่าประเทศคู่แข่ง
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/2568 บริษัทมีรายได้รวม 1,705 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,717 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายในกลุ่มธุรกิจอาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึกลดลง ในขณะที่กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงทรงตัว ซึ่งผลกระทบส่วนใหญ่มาจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 195 ล้านบาท ลดลง 35% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 300 ล้านบาท จากอัตรากำไรขั้นต้นลดลง ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง
ด้านผลประกอบการครึ่งปีแรก มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,586 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า รายได้รวมเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดขายในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตจากยอดคำสั่งผลิตสินค้า (OEM) ภายใต้แบรนด์ของลูกค้ายังขยายตัวได้ดี อาหารและขนมสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ของกลุ่มบริษัทฯ โดยเฉพาะแบรนด์ โปร เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 453 ล้านบาท ลดลง 16.4% จากผลกระทบจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินบาทเป็นสำคัญ