ก.ล.ต.ผนึก FETCO-ASCO-AIMC จ่อแถลงใหญ่เปิด "มาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย" 15 ก.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 27, 2025 12:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวภายหลังร่วมเวทีเสวนางาน Thailand Focus 2025 ว่า ก.ล.ต. เตรียมจัดงานแถลงข่าว "มาตรการสร้างเสน่ห์ตลาดทุนไทย" วันที่ 15 ก.ย. 68 โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง ก.ล.ต. สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย และสมาคมบริษัทจัดการลงทุน ภายใต้ชื่อ คณะทำงานเพื่อพิจารณามาตรการปฏิรูปตลาดทุนไทย (Taskforce) โดยมาตรการดังกล่าวจะช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับตลาดทุนไทย ทั้งในส่วนของดีมานด์และซัพพลาย เพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับนักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนต่างชาติ ผ่านมาตรการต่างๆ เช่น มาตรการทางภาษี และการดึงดูดบริษัทที่มีศักยภาพจากต่างประเทศให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดทุนไทย

เลขาธิการ ก.ล.ต.ระบุว่า ตลาดทุนไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายหลากหลายด้านในช่วงปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับตลาดทุนทั่วโลก ทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐ ซึ่ง ก.ล.ต. เล็งเห็นปัญหาหลัก คือ ด้านสภาพคล่อง (Liquidity) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำตลาดหุ้นไทยแข่งขันได้ ซึ่งต้องดูแลทั้งด้านซัพพลายและดีมานด์

โดยฝั่งของซัพพลาย คือการทำให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไทยมีคุณภาพ ซึ่งที่ผ่านมีมาตรการควบคุมกรณี Backdoor Listing หรือการกลับมาเทรดของ บจ. ซึ่งเราปรับเพิ่มเกณฑ์ให้เข้มงวดและเท่าเทียมกับหุ้น IPO รวมทั้งโครงการ Value Up หรือ Jump+ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประทศไทย (ตลท.) ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างมูลค่าให้กับ บจ.ไม่ว่าจะด้านธรรมาภิบาล หรือการปฏิบัติด้าน ESG และการสื่อสารแผนงานให้นักลงทุนทราบ

อีกส่วนที่ ก.ล.ต. ทำงานร่วมกับ ตลท. คือการปรับปรุงกระบวนการ IPO ให้กระชับขึ้น รวมทั้งการเปิดเผย COI (Conflict of interest) หรือการดึงบริษัทต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในไทย ซึ่งจะมีการทำให้กระบวนการกระชับมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญที่ ก.ล.ต. ให้ความสำคัญคือการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย โดยขณะนี้มี ร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกฤษฎีกาและรอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งจะให้อำนาจ ก.ล.ต. ในการเป็น "พนักงานสอบสวนร่วม" ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้กระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานและการดำเนินคดีมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขณะเดียวกัน ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา จะเข้ามาเพิ่มอำนาจให้ ก.ล.ต. สามารถกำกับดูแลและลงโทษ "สำนักสอบบัญชี" ได้โดยตรง จากเดิมที่กำกับดูแลได้เฉพาะผู้สอบบัญชีรายบุคคล ซึ่งจะช่วยยกระดับมาตรฐานของผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบดูแล (Gatekeeper)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ