นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินกรุงเทพ [BA] กล่าวว่า เย็นวันนี้ (1 ก.ย.) จะมีการประชุมร่วมกับผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของ บจ.อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น (UTA) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนมี บมจ. การบินกรุงเทพ [BA] บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ [BTS], และบมจ.สเตคอน กรุ๊ป [STECON] เพื่อกำหนดทิศทางเกี่ยวกับเงื่อนไขการเดินหน้าพัฒนาโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก เพราะไม่ต้องการรอโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จึงอยากให้มีการตัดเงื่อนไขเชื่อมกับโครงการรถไฟความเร็วสูงฯ ออกไป นอกจากนี้ยังมีประเด็นเกี่ยวกับการให้สิทธิประโยชน์แก่ภาคเอกชน เช่น สิทธิประโยชน์ทางภาษี การให้ใบอนุญาตร้านอาหารและเครื่องดื่มให้สามารถขายแอลกอฮอล์ได้ การอำนวยความสะดวกเรื่องใบขออนุญาตทำงาน
ทั้งนี้ UTA จะขอให้มีการปรับขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของอาคารผู้โดยสารสนามบินอู่ตะเภา จากเดิมเคยกำหนดไว้ว่าเฟสแรกต้องขยายเพื่อรองรับผู้โดยสาร 12 ล้านคนต่อปี แต่จะขอปรับเฟสแรกเริ่มต้นที่ 3 ล้านคนต่อปี และค่อยๆ ขยายเพิ่มเป็น 60 ล้านคนภายใน 50 ปีที่ได้รับสัมปทาน โดยทางอีอีซีจะต้องนำเรื่องนี้เสนอให้ ครม.รับทราบ
"แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล ผมเลยเสนอว่าจะให้เวลาแก่ EEC 1 เดือน เพื่อนำเรื่องเสนอ ครม.ใหม่"นายพุฒิพงศ์ กล่าวอย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้ขอขยายระยะเวลาส่งหนังสือเริ่มงาน (NTP) มา 3 รอบแล้ว แม้จะเลยเวลามาแล้ว แต่ UTA ก็ยังให้เวลาอยู่ ท้ายสุดหากยังไม่ได้ข้อยุติ ทาง UTA ก็ยังคงยืนยันเรียกร้องอีอีซีให้จ่ายคืนเงินราว 5 พันล้านบาทที่ UTA ได้ลงทุนไปแล้ว