นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวในกรอบ โดยวันนี้รอติดตามการโหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ระหว่างแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งหากมีความชัดเจนในการโหวตนายกฯ คาดว่าตลาดจะแกว่งตัวขึ้นตอบรับได้ เพราะการเมืองมีการเดินหน้าต่อไป และนำไปสู่การเลือกตั้งในระยะข้างหน้า
ขณะเดียวกันมี Sentiment หนุนตลาดหุ้นไทยจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ติดลบติดต่อกันมาเป็นเดือนที่ 5 ทำให้ภาพของการคาดการณ์ในการที่อาจจะมีการลดดอกเบี้ยลงได้อีกในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งต่อไป ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ที่เปิดมาส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก
โดยให้แนวต้าน 1,260 จุด แนวรับ 1,240 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (4 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 45,621.29 จุด เพิ่มขึ้น 350.06 จุด หรือ +0.77%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,502.08 จุด เพิ่มขึ้น 53.82 จุด หรือ +0.83% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,707.69 จุด เพิ่มขึ้น 209.97 จุด หรือ +0.98%
- ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดลบ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 42,983.47 จุด เพิ่มขึ้น 403.20 จุด หรือ +0.95%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 25,136.24 จุด เพิ่มขึ้น 77.73 จุด หรือ +0.31% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,761.88 จุด ลดลง 4 จุด หรือ -0.11%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ก.ย.) 1,252.55 จุด ลดลง 6.76 จุด (-0.54%) มูลค่าซื้อขาย 44,813.45 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (4 ก.ย.) 1,778.44 ลบ.
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. (4 ก.ย.) ลดลง 49 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 63.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ก.ย.) อยู่ที่ 4.77 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.28 แข็งค่าจากวานนี้ เกาะติดผลโหวตนายกฯ คาดกรอบวันนี้ 32.15-32.40
- "เพื่อไทย" ไม่ถอย! ยื่นข้อเสนอเลือก "ชัยเกษม" เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อม "ยุบสภา" ทันทีหลังแถลงนโยบาย ส่วนพรรคประชาชนไม่สน ยันโหวต "อนุทิน" ตามข้อตกลง "อัสสเดช" ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ย้ำนักลงทุนเริ่มมั่นใจตลาดทุนมากขึ้นหลังมีความชัดเจนทางการเมือง ชี้ บจ.พื้นฐานแกร่ง กำไรไตรมาส 2 พุ่ง ต่างชาติทยอยกลับ
- เงินเฟ้อ ส.ค.68 ลด 0.79% ลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน สาเหตุหลักจากกลุ่มอาหารสดและพลังงานปรับลดลง รวมถึงค่าไฟฟ้า ยันไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด ส่วนยอดรวม 8 เดือน เพิ่ม 0.08% คาด ก.ย.68 ยังลบต่อ พร้อมพิจารณาปรับเป้าทั้งปีใหม่
- นักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา คาดการณ์ว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป แม้ศาลฎีกาสหรัฐมีคำพิพากษาให้มาตรการดังกล่าวเป็นโมฆะ
- 'พาณิชย์' เผยผลศึกษาการเบี่ยงเบนทางการค้าหลังสหรัฐขยับภาษีนำเข้า พบสินค้าจีนมีความเสี่ยงทะลักเข้าไทยสูงสุด เหตุส่วนต่างภาษีสูงถึง 15% จับตาสินค้ากลุ่มยานพาหนะและส่วนประกอบ อะลูมิเนียม สิ่งทอ เคมีภัณฑ์ ของใช้ในครัวเรือน เครื่องประดับ และกระดาษชำระ พร้อมชงข้อเสนอแนะรับมือ
- แอตต้า เปิดเผยว่าโจทย์เร่งด่วนที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะต้องแก้หลังเข้ารับตำแหน่งซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถจัดตั้งทีมรัฐบาลได้ในวันที่ 9 ก.ย. 2568 นี้มี 3 เรื่อง ได้แก่ 1.ปัญหาเศรษฐกิจ 2.ความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา และ 3.เรื่องของความปลอดภัยด้านชีวิตและทรัพย์สิน เพราะสามเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่มีผลกระทบต่อการค้าการลงทุน ความเป็นอยู่ของประชาชนที่เดือดร้อน ดังนั้น ในช่วงระยะเวลา 4 เดือนมองว่าควรเร่งดำเนินการเรื่องนี้ก่อน
- ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าปรับขึ้นมาอยู่ในเกณฑ์ "ร้อนแรง" นักลงทุนมองการไหลเข้าของเงินทุนเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด ตามด้วยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด คือ การเมืองในประเทศ, การถดถอยของเศรษฐกิจ และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ปัจจัยที่ต้องติดตามคือการตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งอาจกระทบต่อความต่อเนื่องของนโยบายการเบิกจ่ายงบประมาณและความเชื่อมั่นนักลงทุน และติดตามผลตัดสินของศาลฎีกาต่อ "คดีชั้น 14" ของนายทักษิณ ชินวัตร และความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPALL (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 65.00 บาท คาดแนวโน้ม SSSG ในช่วงไตรมาส 3/68 จะทรงตัวถึงดีขึ้นเล็กน้อย สอดคล้องกับตัวเลขเดือน ก.ค. และ ส.ค. จากช่วง 2Q25 ที่มี SSSG -0.8%y-y การควบคุมต้นค่าใช้จ่ายยังคงทำได้ดี และรักษาระดับของ GPM ได้ดี ขณะที่ Valuation ยังเทรดเพียง PE 15 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PE ในอดีตที่ราว 20 เท่า ยังมองเป็นโอกาสในการทยอยสะสม
- SCGD (ไอร่า) "ย่อซื้อเล่นรอบ" ราคาเป้าหมาย 5.00-5.20 บาท ในเชิงกลยุทธ์ เราเริ่มเห็นพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้นของ SCGD แม้ยอดขายในประเทศยังอ่อนแอแต่ได้ ยอดขายจากเวียดนามเข้ามาหนุน รวมทั้ง GPM ฟื้นตัวมากขึ้นจากกลยุทธ์การลดต้นทุน ซึ่งจากพัฒนาการดังกล่าวเราคาดว่าผลประกอบการในช่วง 2H68 มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นได้ต่อ ขณะที่ราคาของ SCGD ณ. ปัจจุบันเทรดอยู่ที่เพียง Fwd PE 6.80 เท่า+/-ทำให้เรามองเป็นระดับราคาที่น่าสนใจ
- TEGH (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมายIAA Consensus 4.95 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 211 ลบ.(+110%YoY, +20%QoQ) แม้จะมีแรงกดดันจากธุรกิจยางที่อ่อนตัว QoQ บ้างจากราคาขายที่ลดลง แต่มีแรงหนุนจากFx Gain และธุรกิจปาล์ม(ตามSeasonal Effect, มีการติดตั้ง Boiler ลูกใหม่/ Sterilizer ทำให้ประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น)ส่วนการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง แม้มีโอกาสชะลอตัวจากฐานสูงในช่วงครึ่งแรก แต่ภาพรวมคาดจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีตามการเพิ่มสัดส่วนยางEUDR นอกจากนี้ TEGH ยังมี Story จากการ Spinoff TEBP (ธุรกิจจัดการกากอินทรีย์, Biogas, ไฟฟ้า)ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี68และ69 กำไรสุทธิของ TEGH* จะอยู่ที่ 711 ลบ.(+28%YoY) และ 836 ลบ.(+18%YoY)