สถานการณ์การเมืองไทยที่กำลังเริ่มคลี่คลายและเดินหน้าสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่อีกครั้ง กลายเป็นประเด็นที่นักลงทุนต่างจับตา โดยเฉพาะความหวังที่จะได้เห็นเม็ดเงินมหาศาลจากกิจกรรมหาเสียงของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่จะกระจายสู่ท้องถิ่น และกระตุ้นการบริโภคในระดับรากหญ้า โบรกเกอร์ชั้นนำหลายแห่งจึงได้ออกมาวิเคราะห์และคัดสรร "หุ้นเด่น" ที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากปัจจัยนี้
หุ้นกลุ่มไหนที่ได้ประโยชน์?
จากการวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ 5 แห่ง ได้แก่ บล.หยวนต้า, บล.กรุงศรี, บล.อินโนเวสท์ เอกซ์, บล.เมย์แบงก์ และ บล.ดีบีเอส มีการมองเห็นทิศทางที่สอดคล้องกันว่าหุ้นที่จะได้รับผลประโยชน์สูงสุดมาจากกลุ่มธุรกิจที่มีฐานลูกค้ากระจายตัวอยู่ในต่างจังหวัด และเกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของผู้คน
กลุ่มค้าปลีก-สินค้าอุปโภคบริโภค
กลุ่มนี้ถือเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่งที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่มองตรงกันว่าจะได้รับอานิสงส์โดยตรงจากเม็ดเงินหาเสียงที่กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในท้องถิ่น หุ้นที่ถูกพูดถึงอย่างโดดเด่น ได้แก่:
CPALL: ด้วยเครือข่ายร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วทุกมุมเมือง
CPAXT: ผู้ดำเนินธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก
BJC: กลุ่มค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภคที่ครอบคลุมหลากหลายประเภท
HMPRO: กลุ่มค้าปลีกสินค้าตกแต่งบ้านและอุปกรณ์ก่อสร้าง
กลุ่มเครื่องดื่ม
ในบรรยากาศของการหาเสียงที่คึกคักและร้อนแรง หุ้นกลุ่มเครื่องดื่มก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากเป็นสินค้าที่บริโภคง่ายและตอบโจทย์ทุกกลุ่มเป้าหมาย หุ้นที่ได้รับการแนะนำได้แก่:
OSP
CBG
ICHI
กลุ่มไฟแนนซ์
แม้จะเป็นกลุ่มที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายโดยตรง แต่โบรกเกอร์หลายแห่งก็มองว่าเมื่อเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ประชาชนจะมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น ทำให้สามารถชำระหนี้เดิม หรืออาจจะมีการกู้ยืมใหม่เพื่อนำไปใช้จ่ายได้ หุ้นที่ถูกคาดการณ์ว่าจะได้ประโยชน์ในกลุ่มนี้ ได้แก่:
MTC
KTC
SAWAD
TIDLOR
AEONTS
นอกจากนี้ บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ยังมองไปถึงกลุ่ม วัสดุก่อสร้าง อย่าง SCC และ GLOBAL ที่อาจได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงินที่เข้าสู่ท้องถิ่นอีกด้วย
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองจุดเปลี่ยนการเมืองไทยที่เตรียมเดินหน้าสู่การเลือกตั้งหลังจากมีรัฐบาล 4 เดือนเข้ามาทำหน้าที่ก่อนยุบสภาใน 4 เดือน หนุนความคาดหวังจากการที่จะมีเม็ดเงินนช่วงการเลือกจั้งที่กระจายสู่ท้องถิ่นในช่วงหาเสียง แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากการหาเสียง ได้แก่ ค้าปลีก เครื่องดื่ม สินค้าอุปโภค และบริโภค เช่น CPALL, CPAXT, BJC, OSP, CBG, และ ICHI
บล.กรุงศรี ประเมินตลาดยังคงให้น้ำหนักการเมืองไทยกำลังเดินหน้าสู่ทางออกการเลือกตั้ง และหุ้นที่ได้อานิสงส์จากการเลือกตั้งส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Domestic Play โดยเฉพาะ 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก คือ CPALL และ HMPRO เนื่องจากประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น และเป็นกลุ่มที่มีการกระจายตามท้องถิ่นต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก และกลุ่มไฟแนนซ์ คือ MTC และ KTC เพราะบางส่วนของการใช้จ่ายจะนำไปชำระหนี้เก่า และอาจมีการกู้ใหม่เกิดขึ้นได้ และหุ้นทั้ง 2 กลุ่ม ยังเป็นหุ้นที่ Deep Value ทำให้มีโอกาสเห็นการกลับตัวขึ้นได้
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ มองภาพตลาดหุ้นไทยกำลังเริ่มเห็นทางออกที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งที่ชัดเจนมากขึ้น เมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 แบบมีเงื่อนไขเพื่อเดินหน้าสู่การยุบสภา หุ้นที่จะได้อานิสงส์จากการเลือกตั้งและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ตามมา เช่น และกลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง เช่น SCC และ GLOBAL ที่จะได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงินในช่วงเลือกตั้งที่มีการกระจายเม็ดเงินไปในท้องถิ่น และหุ้นกลุ่มเครื่องดื่ม เช่น CBG
บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ประเด็นการเมืองที่ Overhang ปลดล็อก และนำไปสู่การเลือกตั้ง ซึ่งหุ้นที่อานิสงส์บวกจากการเลือกตั้งเป็นหุ้นที่อ้างอิงกับการบริโภคและอุปโภค ที่จะมีเม็ดเงินออกมาในช่วงเลือกตั้ง เช่น กลุ่มค้าปลีก โดยเฉพาะ CPALL และ CPAXT ที่มีสาขากระจายตามท้องถิ่น และเป็นร้านที่อยู่ในชีวิตประจำวันของคน และหุ้นในกลุ่มไฟแนซ์ เช่น SAWAD ที่มีฐานลูกค้าในจังหวัดท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก จะได้ประโยชน์จากการที่มีเงินสะพัด สามารถนำมาใช้ชำระคืนหนี้ได้ และกลุ่มเครื่องดื่ม เช่น OSP และ CBG เป็นต้น
บล.ดีบีเอส ประเมินกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากเงินสะพัดเลือกตั้ง ได้แก่ กลุ่มค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น CPALL, BJC กลุ่มเครื่องดื่มและอาหาร เช่น OSP และกลุ่มไฟแนนซ์ เช่น MTC, TIDLOR, AEONTS