KAsset ชี้ช่องกองทุนหุ้นปันผลสูงทางรอดครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยชะลอ-Valuation หุ้นไทยต่ำ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 9, 2025 16:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

KAsset ชี้ช่องกองทุนหุ้นปันผลสูงทางรอดครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยชะลอ-Valuation หุ้นไทยต่ำ

บลจ.กสิกรไทย (KAsset) มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยเติบโตชะลอลง คาด GDP ไทยในอีก 10-15 ปีข้างหน้าเฉลี่ยที่ 2% ขณะที่ Valuation หุ้นไทยอยู่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต ประกอบกับการผ่อนคลายทางการคลังผ่านการเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐ และการผ่อนคลายทางการเงินผ่านการลดดอกเบี้ยจังหวะนี้จึงเหมาะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยจากปัจจัยเชิงบวกในระยะสั้นผ่านกองทุนหุ้นปันผลสูงอย่าง "K-VALUE"

นางสาวภารดี มุณีสิทธิ์ CFA, รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในระยะถัดไปมีแนวโน้มเติบโตชะลอลง โดยบทวิจัย KAsset Capital Market Assumptions (KCMA) ที่บลจ.กสิกรไทย จัดทำร่วมกับ J.P. Morgan Asset Management คาดการณ์ว่า GDP ไทยในช่วง1015 ปีข้างหน้าจะเติบโตเฉลี่ยเพียง 2% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนช่วง COVID-19 ที่อยู่ที่ประมาณ 3.6% การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงเช่นนี้ส่งผลให้บริษัทขนาดกลางและเล็กเผชิญกับปัญหาด้านการเติบโตและสภาพคล่องที่หดตัว

ในขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ที่มีฐานรายได้มั่นคง กระแสเงินสดแข็งแรง และมีกำไรสม่ำเสมอ กลับสามารถรับมือกับความผันผวนได้ดีกว่าซึ่งบริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มหุ้นปันผลสูง ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย จึงแนะนำกองทุนเปิดเค หุ้นปันผล หรือ K-VALUE เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ผลการดำเนินงานมั่นคงและเป็นหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูงอย่างต่อเนื่อง โดยมีให้เลือกลงทุน 2 รูปแบบ ได้แก่ K-VALUE-A(D) ชนิดจ่ายเงินปันผล และ K-VALUE-A(A) ชนิดสะสมมูลค่า

นางสาวภารดีกล่าวต่อไปว่า กองทุน K-VALUE ได้มีการปรับเปลี่ยนดัชนีชี้วัด (Benchmark)จากดัชนี SET มาเป็นดัชนี SET High Dividend 30 (SETHD)ตั้งแต่ปี 2023 เพื่อสะท้อนกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นปันผลสูงอย่างแท้จริงโดยความน่าสนใจของหุ้นปันผลสูงอยู่ที่

1) หุ้นปันผลสูงมักเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีฐานธุรกิจและรายได้มั่นคงส่งผลให้ราคาหุ้นมีความผันผวนต่ำกว่า โดยอ้างอิงจากดัชนี SET ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีค่าความผันผวน 15.5% ขณะที่ SET High Dividend (SET HD) มีค่าความผันผวน 14.3%

2) หุ้นปันผลสูงมักเป็นบริษัทมีกำไรที่ดีต่อเนื่องสามารถจ่ายปันผลได้สูงกว่าตลาดหุ้นไทยในภาพรวมอย่างสม่ำเสมอโดยคาดการณ์ปันผลของหุ้นกลุ่มปันผลสูงในปี 2026 ที่ 7.1% เทียบกับ SET ที่4.6%

3) หุ้นปันผลสูงให้ผลตอบแทนในรูปแบบเงินปันผลที่แน่นอนกว่าการหวังกำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) จากราคาหุ้นที่อาจไม่เติบโตมากในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

4) หุ้นปันผลสูงช่วยลดความเสี่ยงจากวัฏจักรเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่ม Growth หรือ Mid-Small Cap ที่มักมีราคาผันผวนตามวัฏจักรเศรษฐกิจ และ

5)หุ้นปันผลสูงมักเป็นบริษัทที่มีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน

สภาพัฒน์ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ขึ้นเป็น 2% จากเดิมที่ 1.8%ภายหลังการบรรลุข้อตกลงภาษีการค้ากับสหรัฐฯ และ GDP ไตรมาส 2ที่ออกมาดีกว่าคาด เติบโต 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังคาดว่าจะชะลอตัวกว่าครึ่งปีแรกจากการส่งออกที่หดตัวลง การบริโภคและการลงทุนที่ยังอ่อนแรงรวมถึงนักท่องเที่ยวที่ต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตามปัจจัยบวกที่ช่วยประคองการเติบโตทางเศรษฐกิจนับจากนี้ได้แก่ การผ่อนคลายทางการคลังผ่านการเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐภายหลังงบประมาณผ่านสภาฯ และการผ่อนคลายทางการเงินผ่านการลดดอกเบี้ย

โดยปัจจุบันคาดการณ์การเติบโตของ EPS ในปีนี้ที่ 17.6% ประกอบกับระดับมูลค่าหุ้น (Valuation) ตลาดยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต โดย SET Index ที่ 1248 จุด คิดเป็น Forward P/E ที่ 13.7 เท่า ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนปัจจัยเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ