เมื่อเวลา 10.57 น.
PTT ปรับขึ้น 2.33% มาที่ 33.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,229.71 ล้านบาท
PTTEP ปรับขึ้น 1.35% มาที่ 113.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 663.54 ล้านบาท
TOP ปรับขึ้น 3.68% มาที่ 35.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 661.79 ล้านบาท
บล.กรุงศรี ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบโลกปรับขึ้นต่ออิงน้ำมันดิบ Brent +1.66%d-d ปิดที่ 67.49 เหรียญ/บาร์เรล น้ำมันดิบ West Texas +1.66%d-d ปิดที่ 63.67 เหรียญ/บาร์เรล แรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากกองทัพอิสราเอลที่การโจมตีทางอากาศต่อกรุงโดฮา เมืองหลวงกาตาร์ พยายามลอบสังหารผู้นำระดับสูงของกลุ่มฮามาส แม้ EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางตลาดคาดว่าลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกระยะสั้นในวันนี้ต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP และ กลุ่มโรงกลั่น อาทิ TOP
ขณะที่ บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ระบุถึงบมจ.ปตท. [PTT] โดยคาดว่า ตลาดก๊าซโลกจะมีอุปทานเพิ่มขึ้นจากการเปิดดำเนินงานโครงการ LNG ใหม่ ซึ่งน่าจะสูงกว่าการเติบโตของอุปสงค์ในปี 2569-2570 ต้นทุน pool gas ของไทยมีแนวโน้มลดลงากราคาก๊าซในตลาด JKM ของเอเชียอ่อนตัวลง ซึ่งเป็นผลดีกับ PTT และหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภค
ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า มีรายงานข่าวว่ารัฐบาล "อนุทิน" จ่อปรับโครงสร้างราคาพูลก๊าซใหม่ อิงราคาต้นทุนอ่าวไทยเป็นราคากลางแทน Single Pool Gas ตามนโยบายการลดค่าครองชีพประชาชน พร้อมผลักภาระต้นทุน LNG ให้ภาคอุตสาหกรรรม โบรกฯ มองส่งผลดีต่อ PTT ดันอัพไซด์กำไรเพิ่มขึ้น 7% รวมทั้งลดต้นทุนผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า SPP อาทิ GPSC และ BGRIM ด้าน PTTGC บันทึกกำไรพิเศษประมาณ 600-700 ล้านบาทในไตรมาส 3/68 จากการซื้อคืนและยกเลิกหุ้นกู้ก่อนกำหนด แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 28 บาท