
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น [WHA] เปิดเผยทิศทางการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจ พร้อมแย้มอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้ารายใหญ่คาดเห็นความชัดเจนปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า
ขณะที่เป้าหมายในปี 68 รายได้รวมไว้ที่ 20,000 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 35% จากปี 67 โดยรักษาระดับอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มากกว่า 45% ด้านงบลงทุนปีนี้อยู่ที่ราว 17,000 - 18,000 ล้านบาท ปรับลดจากเดิม 20,000 ล้านบาท เนื่องจากมีบางโครงการที่ล่าช้ากว่าที่ประเมิน ทั้งนี้งบลงทุนส่วนใหญ่จะใช้ในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม

สำหรับเป้าหมายธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม บริษัทคงเป้ายอดขายที่ดินปีนี้รวม 2,350 ไร่ โดยมีราคาขายเฉลี่ยต่อไร่เพิ่มขึ้นกว่า 10% ซึ่งบริษัทเดินหน้าซื้อที่ดินเพื่อสะสม Land Bank ในพื้นที่ยุทธศาสตร์อย่าง EEC และสระบุรีอย่างเพียงพอเพื่อรองรับความต้องการที่ดินจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการใหม่ 6 โครงการ รวมกว่า 10,190 ไร่ ไฮไลท์ คือ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 5 (WHA ESIE 5) พื้นที่กว่า 6,370 ไร่ ภายใต้แนวคิด Smart Eco Industrial Estate ที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฟสแรกพร้อมส่งมอบในไตรมาส 3/68 และคาดโอนแปลงแรกได้ในไตรมาส 1/69

ส่วนในเวียดนาม ปัจจุบันมี 1 โครงการที่เหงะอาน (Nghe An) และอยู่ระหว่างพัฒนาเพิ่มอีก 3 โครงการ รวม 3,391 ไร่ ภายในปี 68-69 พร้อมได้มีการลงนาม MOU กับจังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) ดานัง (Da Nang) และฮึงเอียน (Hung Yen) เพื่อรองรับการขยายในอนาคต
"ครึ่งปีแรกเวียดนามยอดขายที่ดินในเวียดนามแผ่วเล็กน้อย จากการผลกระทบจากนโยบายภาษี สหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่ที่ 46% และได้ลดลงเหลือ 20% นักลงทุนเริ่มกลับมาคุยมากขึ้น โดยพื้นฐานเวียดนามเป็นประเทศยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ และยังเป็นจุดมุ่งหมายของนักลงทุน มีความมั่นใจว่าครึ่งปีหลังยอดขายจะดีขึ้น"ปัจจุบันบริษัทมี Backlog รอโอน 1,467 ไร่ มูลค่า 7,695 ล้านบาท และมีหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) / บันทึกแสดงความเข้าใจ (MOU) อีก 1,427 ไร่ มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท จากลูกค้าหลายอุตสาหกรรมทั้ง อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และ Data Center

WHA กำลังเตรียมพัฒนานิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ สระบุรี เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่ม PCB/Semiconductor และเทคโนโลยีขั้นสูง เนื่องจากสระบุรีมีข้อได้เปรียบด้านทำเลที่ใกล้กรุงเทพฯ และสนามบิน ซึ่งสำคัญต่อการขนส่งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก คาดว่าจะได้รับการอนุมัติผังเมืองในทำนิคมอุตสาหกรรมปีหน้า
ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ครึ่งปีแรกมีสัญญาพื้นที่ให้เช่าใหม่และสัญญาเช่าใหม่รวมกว่า 123,000 ตารางเมตร มูลค่า 2,153 ล้านบาท โดยมูลค่าต่อตารางเมตรสูงกว่าปีก่อน สะท้อนความต้องการพื้นที่คุณภาพ ล่าสุดเปิดโครงการ WHA Mega Logistics Center ชลหารพิจิตร กม.4 โปรเจกต์ 2 พื้นที่รวม 300,000 ตารางเมตร โดยมี บริษัท ดับบลิวเอชเอ จีซี โลจิสติกส์ จำกัด (WGCL) เป็นลูกค้ารายแรกเช่าพื้นที่ 22,000 ตารางเมตร
พร้อมขยายการลงทุนในเวียดนาม โดยโครงการในจังหวัดฮึงเอียน (Hung Yen) แล้วเสร็จตามแผน และอยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาแห่งใหม่ที่จังหวัดทัญฮว้า (Thanh Hoa) ส่งผลให้ปีนี้บริษัทจะมีพื้นที่ภายใต้การบริหารรวมกว่า 3,213,000 ตารางเมตร โดยมีเป้าปล่อยเช่าใหม่ 200,000 ตารางเมตร และแผนขายทรัพย์สินให้กองทรัสต์ WHART ประมาณ 70,000 ตารางเมตร มูลค่า 1,500 ล้านบาท
ธุรกิจโมบิลิตี้ ภายใต้แบรนด์ Mobilix ยังคงเดินหน้าสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแบบ Built-to-Suit ครบวงจรทั้งบริการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Solutions) โดยมุ่งเน้นตอบโจทย์ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial EV) ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้มีการปรับลดเป้าหมายการปล่อยเช่ารถในปีนี้เหลือ 539 คัน จากปัญหาซัพพลายเชน แต่แนวโน้มยังแข็งแกร่ง จากความต้องการของภาคขนส่งที่มุ่งลดคาร์บอน (Decarbonize Transportation) ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญต่อการเติบโตระยะยาว
ธุรกิจสาธารณูปโภค (น้ำ) เติบโตต่อเนื่องจากผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่ม (Value-added Water) ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น 29% และรายได้ใหม่จากค่าบริการพิเศษ (Excessive Charge) สำหรับลูกค้าที่ใช้น้ำปริมาณมาก เช่น Data Center แม้ว่ายอดขายน้ำอุตสาหกรรมและน้ำดิบรวมจะลดลงเล็กน้อย แต่เวียดนามยังคงเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะโครงการ Doung River ส่งผลให้บริษัทมีปริมาณการขายน้ำรวม 18.6 ล้านลูกบาศก์เมตร และตั้งเป้าปี 2568 ไว้ที่ 166 ล้านลูกบาศก์เมตร
ธุรกิจไฟฟ้า เดินหน้าพัฒนาพลังงานหมุนเวียน โดยครึ่งปีแรกมีกำลังการผลิตตามสัญญา (PPA) รวม 991 เมกะวัตต์ ในจำนวนนี้เป็นพลังงานหมุนเวียน 463 เมกะวัตต์ โดยมีโครงการโซลาร์ที่ COD แล้ว156 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างพัฒนาอีก 285 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าสิ้นปีเพิ่มเป็น 1,185 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์ม RENEX ซื้อขายพลังงานสะอาดแบบ Peer-to-Peer และบริการใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (REC) เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนของลูกค้า อีกทั้งพร้อมเตรียมรองรับความต้องการพลังงานสะอาดในปริมาณมากของ Data Center
ธุรกิจดิจิทัล เพิ่มบทบาทสำคัญในการเสริมศักยภาพกลุ่มธุรกิจ ผ่านการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น AI และ IoT โดยมีโครงการ AI Transformation กว่า 12 โครงการ เช่น Drone Inspection Solution และ IoX Platform for Solar พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์ม Mobilix Software Solution และแอปพลิเคชัน WHASApp ซึ่งมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 1,500 ราย และล่าสุดได้เพิ่มฟีเจอร์ CO2 ZERO สำหรับรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ตามมาตรฐาน