(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าขึ้นต่อลุ้นแตะ 1,300 จุด เก็งเฟดลดดอกเบี้ยสัปดาห์หน้า-บอนด์ยีลด์ดิ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 12, 2025 09:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ ดัชนีลุ้นขึ้นทดสอบ 1,300 จุด เป็นแนวต้านจิตวิทยา โดยคาดว่าจะได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เป็นไปตามคาด รวมทั้งผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น หนุนความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า ขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 10 ปี (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวลงต่อเนื่องแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน เป็นผลดีต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงและบรรยากาศการลงทุนตลาด Emerging Market

นอกจากนี้เมื่อคืนดัชนี Nasdaq ทำระดับสูงสุดใหม่ ส่งผลดีต่อ Sentiment หุ้น DELTA ด้วย ซึ่งเมื่อวานนี้หุ้น DELTA ช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น น่าจะมีโอกาสที่จะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อได้ในวันนี้ ด้านปัจจัยในประเทศตลาดยังคาดหวังรัฐบาลชุดใหม่ การแถลงนโยบาย รวมถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจยังเป็น Sentiment เชิงบวกอยู่

โดยให้กรอบแนวรับ 1,280 จุด และแนวต้าน 1,300 จุด แนวต้านถัดไป 1,320 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (11 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,108.00 จุด เพิ่มขึ้น 617.08 จุด หรือ +1.36%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,587.47 จุด เพิ่มขึ้น 55.43 จุด หรือ +0.85% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,043.07 จุด เพิ่มขึ้น 157.01 จุด หรือ +0.72%

- ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดลบ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 44,803.30 จุด เพิ่มขึ้น 430.80 จุด หรือ +0.97%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 26,539.44 จุด เพิ่มขึ้น 453.12 จุด หรือ +1.74% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,875.51 จุด เพิ่มขึ้น 0.20 จุด หรือ +0.01%

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ก.ย.) 1,288.03 จุด เพิ่มขึ้น 9.98 จุด (+0.78%) มูลค่าซื้อขาย 46,753.07 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (11 ก.ย.) 1,495.19 ลบ.

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค. (11 ก.ย.) ลดลง 1.3 ดอลลาร์ หรือ 2.04% ปิดที่ 62.37 ดอลลาร์/บาร์เรล

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 ก.ย.) อยู่ที่ 3.75 เหรียญ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 31.71 กลับมาแข็งค่า แนวโน้มแกว่ง sideway ในกรอบ 31.60-31.90

- "สภาพัฒน์" ชี้เศรษฐกิจไทย ติดวงจรหนี้สูง แก้ยาก ฉุดจีดีพีโตต่ำภาวะหนี้สูงทั้งหนี้ครัวเรือน หนี้ธุรกิจ หนี้สาธารณะ ชี้หนี้ธุรกิจช่วง 10 ปี กระจุกตัวเฉพาะรายใหญ่กู้เกิน 500 ล้านบาท สัดส่วนถึง 90% ส่วนเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อได้ไม่ถึง 10% แนะรัฐบาลใหม่ระวังใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ จำกัดเพดานหนี้สาธารณะไม่ให้เกิน 70% ตามคำแนะนำไอเอ็มเอฟ

- "ม.หอการค้าไทย" เชื่อ "คนละครึ่ง" กระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปี 68 ได้แรง-เร็ว ลุ้น "GDP" ปีนี้โตเกิน 2.5% แนะเพิ่มเฟส 2 ชี้ใช้เงิน 2.5 หมื่นล้านบาท สามารถสร้างเงินสะพัดในระบบได้ 7 หมื่น-1 แสนล้านบาท หลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคหดหายไปประมาณ 2 ปีครึ่ง

- "ไอติม" เผย 3 พรรค "ส้ม-น้ำเงิน-แดง" เห็นพ้อง 3 ข้อสรุป เดินหน้าจัดทำ รธน.ฉบับใหม่ในสัปดาห์หน้า ให้เสนอโมเดลร่าง เข้า กมธ. การพัฒนาการเมืองก่อน เชื่อเสร็จทันภายใน 4 เดือน ที่ตกลงใน MOA ปลาย ม.ค. 69 ยุบสภาฯ-เลือกตั้ง

- 'คลัง' ปลดล็อก 'บสย.' เดินเครื่องค้ำประกันสินเชื่อกลุ่ม Non-Bank กลุ่มลีสซิ่ง-นาโนไฟแนนซ์ ขยายโอกาสเอสเอ็มอีรายย่อย-อาชีพอิสระ เข้าถึงแหล่งทุนง่ายขึ้น

- ประธาน ส.อ.ท. เผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและหอการค้าไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้ตั้งข้อสังเกตสาเหตุค่าเงินบาทแข็งค่าเร็ว และรุนแรง เนื่องจากสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากความผิดปกติบางอย่างในเรื่องของการส่งออกทองคำ โดยเฉพาะการส่งออกไปกัมพูชา เดือน ม.ค.-ก.ค.68 ไทยส่งออกทองคำไปกัมพูชาเป็นอันดับ 2 รองจากสวิตเซอร์แลนด์ มูลค่ากว่า 2,149 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประมาณ 68,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.3% คิดเป็นสัดส่วน 28.2% เทียบกับการส่งออกทองคำทั้งหมดถือเป็นอัตราที่สูงมาก ทั้งที่กัมพูชาเป็นประเทศเล็ก ๆ เป็นประเด็นเร่งด่วนที่ต้องนำไปหารือกับรัฐบาลใหม่ต่อไป

- ม.หอการค้าไทย ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้า และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.68 เผยว่า ดัชนีทั้ง 2 รายการอยู่ในช่วงขาลง โดยมีค่าต่ำที่สุดในรอบ 33 เดือน และ 32 เดือน ตามลำดับ เพราะภาคธุรกิจกังวลเสถียรภาพการเมือง หลังจากนายกรัฐมนตรีถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งและปัญหาเศรษฐกิจฟื้นช้าสะท้อนจากระดับการลงทุนของภาคเอกชนในทุกจังหวัดที่ลดลง โดยเดือน ส.ค.68 อยู่ที่ระดับ 37.5 ขณะที่การจ้างงานอยู่ที่ระดับ 38.0 ซึ่งถือว่าต่ำมาก ดังนั้น รัฐบาลใหม่จำเป็นต้องเข้ามาเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว

- ผู้ว่าททท.โพสต์เฟซบุ๊กว่า "คนละครึ่งมาแรงบาทยังแข็งต่อเนื่อง กระทบตรง inbound เห็นทีต้องมีทัวร์ไทยคนละครึ่ง บ.ทัวร์เตรียม package สุด wow ให้ชาวไทยได้เที่ยว"

- บอร์ด กสทช.อนุมัติโรดแมพทีวีดิจิทัล เร่งด่วนแบบทันตาเห็น หลังโดนสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอลกระทุ้งเพราะบรรจุวาระมาหลายครั้งแต่ไม่มีการพิจารณาเพื่อเตรียมการก่อนใบอนุญาตสัมปทานทีวีดิจิทัลหมดอายุต้นปี 72

*หุ้นเด่นวันนี้

- MTC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 56 บาท คาดโมเมมตัมผลการดำเนินงาน 2H25 ยังคงแข็งแรงต่อเนื่องจากแนวโน้มสินเชื่อที่ยังเติบโตระดับ Double Digit ขณะที่ NIM คาดยังทรงตัวดีจาก Loan Yield ที่ดีขึ้น ด้านคุณภาพสินทรัยพ์ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดีและควบคุมได้ เราคาดกำไรปี 2568-2569 ที่ 7.1 พันลบ. +21% y-y และ 8.3 พันลบ. +17%y-y ตามลำดับ คาดราคาหุ้นได้ Sentiment บวกจากโอกาสลดดอกเบี้ยของ FED ที่สูงขึ้น รวมถึงกนง.ที่อาจลดดอกเบี้ยปีนี้และปีหน้าสู่ระดับ 1%

- GPSC (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 37.25 บาท มี sentiment บวกจากประเด็นการศึกษาปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติใหม่เพื่อลดค่าไฟฟ้าที่อาจจะปรับ single pool gas price เดิมที่เฉลี่ยถั่วน้ำหนักมาเป็นการคำนวณที่ใช้สัดส่วนของก๊าซฯ ในอ่าวไทยที่มีราคาต่ำมากขึ้น ส่งผลบวกต่อต้นทุนกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ลดลง ส่วนแนวโน้มไตรมาส 3/68 ดีต่อเนื่องมีปัจจัยบวกจากผลการดำเนินงานของ AEPL ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและกำไรพิเศษจากการขายหุ้นออกไปบางส่วน (3.03%) รวมถึงการผลิตไฟฟ้า Hydro เป็น high season ชดเชยค่า Ft ในรอบ ก.ย.-ธ.ค.68 ที่ลดลงเล็กน้อย ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68-69 ที่ 4.6 พันล้านบาท +13%YoY และ 5.1 พันล้านบาท +11%YoY

- CKP (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 3.70 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกกับ CKP จากแนวโน้ม ผลประกอบการไตรมาส 3/68 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากการเข้าสู่ช่วง high season หนุนการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจาก โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 (NN2) และ โรงไฟฟ้า XPCL ที่เพิ่มขึ้นหลังจากการปิดซ่อมบำรุงเป็นเวลา 17 วันในไตรมาส 3/67 อีกทั้งแนวโน้มของค่าเงินบาทที่แข็งค่าในไตรมาส 3/68 จะหนุนให้ ลดลงทอน FX loss จาก financial debt ในสกุลเงิน US dollar


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ