สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (8 - 12 กันยายน 2568) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 521,422 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 104,284 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 32% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 44% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 230,857 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออก โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออก โดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 225,427 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่า การซื้อขายเท่ากับ 13,640 ล้านบาท หรือคิดเป็น 43% และ 3% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB303A (อายุ 4.5 ปี) LB284A (อายุ 2.6 ปี) และ LB456A (อายุ 19.8 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 30,233 ล้านบาท 28,211 ล้านบาท และ 26,980 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) รุ่น TBEV288A (AA(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 1,151 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) รุ่น MINT281A (A+) มูลค่าการซื้อขาย 595 ล้านบาท และหุ้นกู้ ของบริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) รุ่น WHAUP285A (A-) มูลค่าการซื้อขาย 496 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้น 5-17 bps. ในตราสารระยะยาว โดยนักลงทุนบางส่วนขายทำกำไรหลังจากที่ Bond Yield ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ด้านปัจจัยในประเทศ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 68 เพิ่มขึ้นเป็น 1.8% จากเดิม 1.5% จากการเร่งส่งออกไปยังสหรัฐฯ ก่อนมาตรการภาษีรัฐบาลสหรัฐฯ ด้านปัจจัยต่างประเทศ ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกในปี 2568 เป็น 2.4% จากเดิม 2.2% จากตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวันที่ 11 ก.ย. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ตามการคาดการณ์ของตลาด ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 2.00% ด้านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 2.40% ส่วนอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 2.15% ขณะที่รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของสหรัฐฯ (CPI) ประจำเดือนส.ค. ปรับตัวขึ้น 2.9% (YoY) สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
สัปดาห์ที่ผ่านมา (8 - 12 กันยายน 2568) กระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 10,186 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิใน ตราสารหนี้ระยะสั้น (ST) (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 6,657 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (LT) (อายุมากกว่า 1 ปี) 3,532 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 2 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price Index) เปลี่ยนเป็น ดัชนีหุ้นกู้เอกชน(MTM Corp Bond Gross Price Index) ตั้งแต่ ม.ค. 2565
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (8 - 12 ก.ย. 68) (1 - 5 ก.ย. 68) (%) (1 ม.ค. - 12 ก.ย. 68) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 521,422.30 394,561.16 32.15% 15,314,601.82 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 104,284.46 78,912.23 32.15% 90,618.95 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 116.67 117.94 -1.08% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (MTM Corp Bond Gross Price Index) 109.65 109.96 -0.28% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (12 ก.ย. 68) 1.34 1.31 1.28 1.14 1.19 1.4 1.61 2.04 สัปดาห์ก่อนหน้า (5 ก.ย. 68) 1.33 1.3 1.27 1.09 1.11 1.25 1.44 1.87 เปลี่ยนแปลง (basis point) 1 1 1 5 8 15 17 17