มองมุมต่าง: CRC ขายห้างหรูในอิตาลี กำไรพิเศษวันนี้ แลกกับคำถามใหญ่ในอนาคต

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 19, 2025 11:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

มองมุมต่าง: CRC ขายห้างหรูในอิตาลี กำไรพิเศษวันนี้ แลกกับคำถามใหญ่ในอนาคต

การตัดสินใจของ บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น [CRC] ที่เปิดเผยข้อมูลการขายห้างหรู Rinascente ในอิตาลี ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงกลางดึกของวันที่ 17 กันยายน 2568

พร้อมกับให้เหตุผลว่า เป็นการจัดสรรทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยจะมุ่งเน้นขยายการลงทุนในไทย เวียดนาม ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง รวมถึงประเทศอื่นๆในทวีปเอเชีย ขณะที่ประเทศอิตาลีและยุโรปมีแนวโน้มการเติบโตด้านเศรษฐกิจและค้าปลีกต่ำกว่า

เช้าวันถัดมา พอข้อมูลดังกล่าวกระจายสู่มหาชน สิ่งที่สะท้อนออกมาเป็นภาพเชิงลบ คือ ราคาหุ้น ปรับตัวลดลงทันที แม้จะมีการประกาศจ่าย "เงินปันผล" จากการขายห้างหรูจำนวน 1.28 บาทต่อหุ้น ก็ไม่สามารถจูงใจให้นักลงทุนพอใจกับดีลที่คาดว่ากำลังจะเกิดขึ้นจากนี้ไป

จากภาพสะท้อนของราคาหุ้นที่ร่วงหนัก กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการนักลงทุน เพราะแทนที่จะได้รับเสียงเชียร์จากผู้ลงทุนในตลาด แต่กลับ กลับตอบสนองด้วยแรงขายและความกังขาว่าเกิดอะไรขึ้นกับดีลนี้?

*ทำไมนักลงทุนในตลาดจึงไม่อิน?

ห้าง Rinascente เป็น สินทรัพย์คุณภาพสูงที่มีการทำกำไรได้ต่อเนื่อง กำไรขั้นต้น (margin) ดี และถือเป็น cash cow ของ CRC ก็ว่าได้ ทำให้การขายกิจการครั้งนี้กลับถูกตีความว่าเป็นการดึงของดีออกจากพอร์ต

แม้จะนำเงินสดกลับมาให้กับผู้ถือหุ้นในรูปของเงินปันผลพิเศษ มากกว่าจะเป็นการ "สร้างมูลค่าเพิ่ม" ในระยะยาว

ที่สำคัญคือ ราคาที่ขาย แม้จะมีการบอกว่า "ได้พรีเมียมเมื่อเทียบกับห้างในยุโรป" แต่เมื่อนำมาคิดเป็น P/E กลับ ต่ำกว่าตัวแม่ CRC เอง ทำให้ยิ่งขาดเหตุผลเชิงกลยุทธ์

*ความเชื่อมั่น ในของกลุ่มเซ็นทรัลที่สั่นคลอน

ผู้ถือหุ้นจำนวนไม่น้อยมองว่า CRC "ยอมขายอนาคต" แลกกับ "กำไรพิเศษ" ก้อนเดียว แบบไม่สมเหตุสมผล ทำให้ภาพ หรือ เครดิตของการมีภาพของ family business ถูกลดทอนลง ไปอยู่ในระดับเดียว กับ เจ้าสัว รายอื่นๆ ที่เคยมีประวัติมาก่อน

ภาพแรงขายของราคาหุ้นจึงถูกกดดันต่อเนื่อง เพราะตลาดมองว่ากำไรระยะยาวหายไปแล้ว

สิ่งที่น่ากังวลต่อมา คือ คำถามใหม่ที่เกิดขึ้น จากนี้ไปของทิศทางธุรกิจในอนาคตของ CRC ว่าจะไปต่อในรูปแบบใด!?

นี่คือสิ่งที่ผู้ลงทุนในตลาดหุ้นไม่สามารถคาดเดาได้อีกต่อไป

เนื่องจาก นักลงทุนไม่ได้หลงไปกับคำโปรยสวยหรูอีกต่อไป

ไม่ว่าจะเป็น "ลดหนี้" "โฟกัสตลาดเอเชีย" หรือ "ยืดหยุ่นรับเทรนด์ใหม่"

สิ่งที่นักลงทุนมองคือ แก่นธุรกิจที่ว่าสินทรัพย์ที่สร้างกำไรดี ทำไมถึงต้องขาย?

คำถามที่รอผู้บริหารตอบคือ เงินที่ได้มาในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ จะถูกนำไปลงทุนอะไรต่อที่จะสามารถให้ผลตอบแทนโตยิ่งกว่าการถือ Rinascente ไว้!?

ขอย้ำอีกครั้งว่า ดีลนี้อาจไม่ใช่แค่การขายสินทรัพย์ แต่กลายเป็น "บททดสอบความเชื่อมั่น" ของบริษัทกับนักลงทุนในตลาดหุ้น

การเรียกความเชื่อมั่นกลับมา คงต้องอาศัยการอธิบายเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจนว่าเงินก้อนนี้จะต่อยอดไปสู่การเติบโตใหม่ที่ยั่งยืนได้อย่างไร มิฉะนั้น มันอาจจะกลายเป็นบาดแผลใหญ่ที่หลอกหลอนกลุ่มตระกูลไปอีกพักใหญ่ หากยังไม่สามารถหาคำตอบที่ดีได้ และเสี่ยงอาจจะถูกดาวน์เกรดจากสังคมได้ในอนาคต

ธิติ ภัทรยลรดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ