นายกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังร่วมวงหารือระหว่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พร้อมกับทีมเศรษฐกิจ กับฝ่ายตลาดทุนว่า สิ่งที่รัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้อย่างเร็วสุดในช่วงระยะเวลาการทำงานที่มีจำกัด คือ การกิโยตินกฎหมาย หรือการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ที่ล้าสมัยและเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน ซึ่งถือเป็น Quick win ที่น่าจะทำได้สำเร็จภายใน 4 เดือน ซึ่งหากทำได้เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยผลักดัน GDP ของประเทศให้เพิ่มขึ้นได้อีก 1%
"เรื่องที่จะทำให้เร็ว 4 เดือน คือกิโยติน ส่วนที่เราไม่ต้องออกเป็น พ.ร.บ. หรือ พ.ร.ก. เราจะทำไปพร้อมๆ กัน ถือว่าข้อเสนอที่ตลาดฯ เสนอไป อาจได้รับการตอบรับเรื่องกิโยตินเร็วที่สุด ส่วนอะไรที่เกี่ยวกับตลาดทุน ไม่ต้องแก้กฎหมาย ท่านจะรับไปดู เรื่องภาษีตลาดทุนก็จะไปดูต่อว่าจะลดหรือยกเว้น เชื่อว่าต้องมีคณะกรรมการทำงานร่วมกันต่อไป วาระครม.แรก การตั้งคณะกรรมการกิโยติน จะมีผล และเราจะเอาเรื่องนี้ทำต่อ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือนให้เกิดผลสัมฤทธิ์" นายกิติพงศ์ กล่าวส่วนกรณีของ TISA (Thailand Individual Savings Account) เป็นบัญชีเงินออมเพื่อการลงทุนในหุ้น ที่เปิดให้นักลงทุนที่ซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้สิทธิลดหย่อนภาษี ตามโมเดล NISA ของญี่ปุ่นนั้น จะมีการหารือกันในรายละเอียดต่อไป หากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ก็จะช่วยให้ตลาดทุนไทยมีขนาดใหญ่ขึ้น และช่วยในเรื่องการออมด้วย
"การจะหักลดหย่อนเท่าไร เป็นตัวเลขที่ต้องไปคำนวณ สิ่งที่คุยกันไว้คือ ถ้าอนุมัติ TISA ต่อไป RMF LMF ไม่ต้องมีเลย เพราะนี่ก็คือ TISA หรือจะมีก็ได้ ต้องมาชั่งน้ำหนักกัน...TISA ในระยะยาวประสบความสำเร็จในญี่ปุ่น ภาพลักษณ์จะทำให้ตลาดทุนใหญ่ขึ้น และเป็นการเก็บออมเงินได้" นายกิติพงษ์ ระบุ