สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (22 - 26 กันยายน 2568) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 396,900 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 79,380 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 42% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 57% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 227,798 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาล ที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 116,240 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 24,855 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29% และ 6% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB456A (อายุ 19.7 ปี) LB284A (อายุ 2.6 ปี) และ LB303A (อายุ 4.5 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 16,666 ล้านบาท 11,204 ล้านบาท และ 7,587 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) รุ่น TBEV26NA (AA(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 2,068 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) รุ่น TBEV288A (AA(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 1,173 ล้านบาท และหุ้นกู้ ของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) รุ่น KTC289A (AA) มูลค่าการซื้อขาย 1,016 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้น 6-13 bps. เนื่องจาก Fitch Ratings ประกาศปรับแนวโน้ม (Outlook) อันดับเครดิต สกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign-Currency IDR) ของไทยจาก "มีเสถียรภาพ" (Stable) เป็น "เชิงลบ" (Negative) แต่ยังคงอันดับเครดิตไว้ที่ BBB+ จากหนี้สาธารณะสูงขึ้น และความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลและความเสี่ยงจากการเลือกตั้งใหม่ ทำให้ Fitch กังวลว่ากรอบการคลังระยะกลาง (Medium-Term Fiscal Strategy) จะไม่ต่อเนื่องและไม่ชัดเจน ด้านปัจจัยต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2568 ขยายตัว 3.8% สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ที่ระดับ 3.0% และ 3.3% ตามลำดับ ขณะที่ S&P Global รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 53.6 ในเดือนก.ย. จากระดับ 54.6 ในเดือนส.ค. เนื่องจากการชะลอตัว ของการจ้างงานและคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ แต่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย
สัปดาห์ที่ผ่านมา (22 - 26 กันยายน 2568) กระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลออกตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 10,392 ล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น (ST) (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 7,315 ล้านบาท และขายสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (LT) (อายุมากกว่า 1 ปี) 3,075 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 2 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price Index) เปลี่ยนเป็น ดัชนีหุ้นกู้เอกชน(MTM Corp Bond Gross Price Index) ตั้งแต่ ม.ค. 2565
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (22 - 26 ก.ย. 68) (15 - 19 ก.ย. 68) (%) (1 ม.ค. - 26 ก.ย. 68) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 396,900.38 689,538.44 -42.44% 16,401,040.64 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 79,380.08 137,907.69 -42.44% 91,625.93 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 115.63 116.42 -0.68% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (MTM Corp Bond Gross Price Index) 109.42 109.67 -0.23% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (26 ก.ย. 68) 1.31 1.29 1.28 1.23 1.26 1.47 1.69 2.13 สัปดาห์ก่อนหน้า (19 ก.ย. 68) 1.33 1.3 1.28 1.14 1.15 1.34 1.57 2.07 เปลี่ยนแปลง (basis point) -2 -1 0 9 11 13 12 6