TURBO เปิดเทรดวันแรก 2.30 บาท เพิ่มขึ้น 53.33% หรือเพิ่มขึ้น 0.80 บาท จากราคา IPO ที่ 1.50 บาท
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุ หุ้น บมจ.เงินเทอร์โบ [TURBO] เข้าเทรดวันนี้ ประเมินราคาเป้าหมายพื้นฐานที่ 2.20 บาท อิง FY69F P/B 1.33x คำนวณมาจากวิธี GGM โดยราคาเป้าหมายดังกล่าวเทียบเท่า FY69F P/E 9.8x P/B เป้าหมายใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มฯ ขณะที่ ROE ของ TURBO ที่อยู่ในช่วง 14-15% ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มฯ ที่ 15%
TURBO มีความน่าสนใจจากจุดแข็งของผู้ถือหุ้น ทีมผู้บริหารแข็งแกร่ง กลยุทธ์ธุรกิจแตกต่าง ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงการเข้าจดทะเบียนใน SET และฐานธุรกิจที่ยังไม่ใหญ่จะช่วยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต โดยTURBO ใช้เวลาไม่นานในการก้าวเข้าสู่ตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนซึ่งท้าทายจากคู่แข่งเดิมที่แข็งแกร่ง ด้วยจุดแข็งของผู้ถือหุ้น กลยุทธ์ธุรกิจที่แตกต่าง และความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
ใน 1-2 ปีที่ผ่านมา TURBO ใช้เวลากับการปรับกลยุทธ์ธุรกิจใหม่โดยเฉพาะการบริหารความเสี่ยง เมื่อรวมกับการเข้าจดทะเบียนใน SET ทำให้เรามองว่า TURBO พร้อมแล้วที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดใน 2-3 ปีข้างหน้า คาดกำไร FY68-70F เติบโต +20%CAGR โดดเด่นที่สุดในกลุ่มฯ หนุนโดยสินเชี่อเติบโต NIM เพิ่มขึ้น และ Credit cost ลดลง ประเมินราคาเป้าหมาย 2.20 บ. อิง FY69F P/B 1.33x ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มฯ
TURBO ก่อตั้งในปี 60 โดยนายสุธัช เรืองสุทธิภาพ และครอบครัวตั้งมิตรประชา (ผู้ถือหุ้นใหญ่ DOHOME) เพื่อประกอบธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถ โฉนดที่ดิน เป็นประกัน และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ TURBO มุ่งเน้นกลยุทธ์ที่แตกต่างผ่านการให้บริการที่รวดเร็ว สะดวก ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง อันนามาซึ่งการบอกต่อของลูกค้า การออกแบบกระบวนการธุรกิจและการเก็บข้อมูลเชิงลึกอย่างครบถ้วน เมื่อรวมกับการสร้างการรับรู้แบรนต์และการขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ TURBO จึงใช้เวลาไม่นานในการทำให้สินเชื่อเติบโตรวดเร็ว +32%CAGR เป็น 11.3 พันลบ. ณ H1/68
เรามองว่า TURBO ยังมีจุดเด่นสาคัญในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ทั้งเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และการออกหุ้นกู้ ต้นทุนการเงินของ TURBO แทบไม่ต่างจากคู่แข่งเดิมแม้ขนาดธุรกิจเล็กกว่า การเข้าจดทะเบียนใน SET จะยิ่งเพิ่มความหลากหลายของแหล่งเงินทุนและต้นทุนการเงินต่าลงในมุมมองของเรา
ปรับกลยุทธ์ธุรกิจเพื่อสร้างฐานธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยความท้าทายทางเศรษฐกิจและการขยายธุรกิจเชิงรุก ทำให้ TURBO ประสบปัญหาคุณภาพลูกหนี้ NPL สูงขึ้นจาก 2.8% ณ สิ้นปี 65 เป็น 4.2% ณ สิ้นปี 67 ทำให้ Credit cost เพิ่มขึ้นมากตาม TURBO ใช้เวลาปรับกลยุทธ์ธุรกิจใหม่โดยเฉพาะการบริหารความเสี่ยง ผ่านการชะลอการเปิดสาขา การอนุมัติสินเชื่อที่รัดกุมยิ่งขึ้น การติดตามทวงถามหนี้ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และการ Write-off สินเชื่อเพื่อรักษาคุณภาพพอร์ตสินเชื่อ ใน H1/68 เริ่มเห็นผลบวกของกระบวนการเหล่านี้ผ่าน NPL และ Credit cost ที่ลดลงมาก
เรามองว่า TURBO พร้อมแล้วที่จะกลับมาขยายธุรกิจเชิงรุกเพื่อเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกครั้งผ่านการขยายสาขา การเพิ่มพอร์ตสินเชื่อต่อสาขา การมุ่งสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และการมีระบบฐานข้อมูลและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง เมื่อประกอบกับฐานลูกค้าที่กว้างขวางที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินของธนาคาร รวมถึงขนาดธุรกิจที่ยังไม่ใหญ่มาก ก็จะยิ่งทำให้สินเชื่อเติบโตสูงโดดเด่นกว่าคู่แข่งใน 2-3 ปีข้างหน้า
เราคาดกำไร FY68-70F ของ TURBO เติบโต +20%CAGR จาก 484 ลบ.ในปี 68 เป็น 602 ลบ. และ 694 ลบ. ในปี 69-70 ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากสินเชื่อเติบโต +11%CAGR จากการขยายสาขา 70 สาขา/ปี และการเพิ่มขึ้นของมูลค่ายอดสินเชื่อต่อสาขาเดิม คาด NIM จะเพิ่มขึ้นจาก 20.7% เป็น 21.0% จากการขยายพอร์ตสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง และการใช้เงินจาก IPO มาขยายสินเชื่อ รวมถึงคาดว่า Cost-to-income ratio ลดลงตามการประหยัดต่อขนาด และคาด Credit cost ลดลงจาก 5.6% ในปี 68 เป็น 5.0% ในปี 70 ตามคุณภาพสินเชื่อดีขึ้นส่งผลให้มูลค่าลูกหนี้ที่โอนไปทรัพย์สินรอการขายและการตัดหนี้สูญลดลง ทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยหนุนให้กาไรเติบโตได้ดีกว่ารายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่เติบโต ซึ่งจะหนุนให้ ROE เพิ่มขึ้นจาก 5.5-5.6% ในปี 66-67 เป็น 14.8%/14.4%/14.7% ในปี 68-70 โดยถือเป็นการเติบโตที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มสินเชื่อจานาทะเบียนที่จดทะเบียนใน SET