
แม้ว่าเราจะเห็นสตอรี่การเติบโตของ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ [BEM] ที่จะได้รับสัมปทานใหม่ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่มีสัปมทานเดินรถ 30 ปี การดำเนินโครงการทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) การเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้นั้น แต่ถึงวันนี้ยังไม่ค่อยเห็นความก้าวหน้าอะไรมากนัก อาจจะด้วยการเปลี่ยนรัฐบาลทำให้โครงการล่าช้าออกไป และที่สำคัญ ราคาหุ้น BEM ไม่ได้ขยับขึ้นไปไหนเลยแถมยังย่อลงในบางครั้ง
นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ BEM เปิดใจกับ "อินโฟเควสท์" ว่า ธุรกิจทางด่วนและธุรกิจรถไฟฟ้า เป็นธุรกิจที่เดิบโตสม่ำเสมอ คงไม่ได้เห็นการเติบโตแบบแรงๆ

เขาเชื่อว่าปีนี้บริษัทจะมีการเติบโตต่อเนื่อง เพราะแม้ว่าเศรษฐกิจชะลอ แต่ปริมาณรถบนทางด่วนยังทรงตัว ขณะที่จำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินก็ขยับขึ้นมาตั้งแต่เดือน ส.ค. ปืดปีนี้บริษัทคาดว่ากำไรจะดีกว่าปีก่อน เนื่องจากรายได้จากตั๋วโดยสารรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นค่าโดยสาร และจำนวนผู้โดยสารมากขึ้น ทำให้รายได้ค่าโดยสารเติบโตกว่า 10% อีกทั้งปีนี้สามารถควบคุมต้นทุนการบริหารจัดการและต้นทุนการเงินได้ดีขึ้น
"ไตรมาส 3/68 เริ่มเห็นดีขึ้น ไตรมาส 4/68 มีรัฐบาลใหม่ ศูนย์การค้าใหม่ ก็น่าจะรักษาจำนวนผู้โดยสารไว้ได้ ทำให้กำไรดีกว่าปีก่อน แต่ไม่ได้มาก โดยจำนวนผู้โดยสารทั้งปี 68 น่าจะใกล้เคียงปีก่อน"ทั้งนี้ ในเดือน ส.ค.68 จำนวนผู้โดยสารในวันธรรมดาเฉลี่ย 5.23 แสนคน/วัน โดยวันศุกร์พุ่งขึ้นไปที่ 5.4-5.5 แสนคน/วัน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเฉลี่ยในช่วง 8 เดือนแรกปี 68 ผู้โดยสารทรงตัวจากปีก่อน

กรรมการผู้จัดการ BEM กล่าวอีกว่า ในช่วงปี 69-70 จะยังเห็นจำนวนผู้โดยสารเติบโตในระดับต่ำประมาณ 3% ต่อปี ไม่ถึงระดับ 6 แสนคน/วัน คงต้องรอการเดินรถไฟฟ้าสายสีส้มในปี 71 เสียก่อน ผู้โดยสารจึงจะเติบโตได้ในระดับ 2 หลัก
เช่นเดียวกับธุรกิจทางด่วน ปัจจุบัน (เดือน ส.ค.68) ปริมาณจราจรบนทางด่วนเฉลี่ย 1.1 ล้านคัน/วัน คาดว่าจะทรงตัวต่อไปในปี 69-70 แต่คาดว่ากำไรจะออกมาดีขึ้น เนื่องจากการควบคุมค่าใช้จ่าย อีกทั้งในแต่ละปี BEM จะได้รับเงินปันผลจากบริษัทในกลุ่ม คือ บมจ.ทีทีดับบลิว [TTW] และ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ [CKP] ประมาณ 550 ล้านบาท/ปี
"เราไม่มีปัญหาในการจ่ายเงินกู้ เพราะแต่ละโครงการจ่ายเงินกู้ได้ทั้งหมด เรากู้ทีละโครงการ เราทำกำไรให้ผู้ถือหุ้น ตอนนี้ BEM ทำกำไรเพิ่มขึ้นทุกปี ปีนี้เราเชื่อว่าจะมีกำไรดีกว่าปีที่แล้ว เพราะตัว Income เพิ่มไม่มาก แต่เราลดค่าใช้จ่ายได้ ทั้งการบริหารจัดการ และต้นทุนการเงินลดลง แม้ว่าจำนวนหนี้เพิ่มแต่ดอกเบี้ยรวมลดลง"BEM มีหนี้ที่มีดอกเบี้ยรวมกว่า 7 หมื่นล้านบาท โดยเป็น Project Finance และหุ้นกู้ สัดส่วนอย่างละครึ่ง Net Debt/Equity 2 เท่าเศษๆ จากเพดาน 2.5 เท่า
นายสมบัติ กล่าวว่า ธุรกิจทางด่วนของ BEM มีสัมปทาน 3 สัญญา 3 สายทาง ต่างเป็นเส้นทางที่พ้นจุด Breakeven มานานแล้ว เงินกู้โครงการไม่มี และสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
และเมื่อทางภาครัฐต้องการจะขยายทางด่วนชั้นที่ 2 (Double Deck) เพื่อแก้ปัญหาคอขวดบนทางด่วน จึงได้ยื่นข้อเสนอให้บริษัทเป็นผู้ลงทุนทำโครงการมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท แลกกับการขยายสัมปทาน 22 ปี 5 เดือน นับจากที่จะสิ้นสุดในเดือน ต.ค.2578 ไปเป็นสิ้นสุดปี 2600
และส่วนที่รัฐต้องการเก็บค่าทางด่วน 50 บาทตลอดทาง มองวาจะไม่กระทบกับบริษัท เพราะยังจะได้รับจำนวนเงินคงเดิม
"ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาก็คุยกับเราเรื่องนี้ ก็ยังทำไม่เสร็จ แต่ก็ไม่เป็นไร"นายสมบัติ กล่าวนายสมบัติ เชื่อว่า ธุรกิจทางด่วนจะไม่ถูก disrupt เพราะอย่างไรเสียคนก็ยังต้องใช้ทางด่วน แม้โครงการ Double Deck ล่าช้าก็ไม่กระทบกับ BEM มากนัก เพราะเห็นแล้วว่าไม่มีผู้ประกอบการรายอื่นจะเข้ามาทำได้นอกจาก BEM ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทานเดิม
สำหรับการลงทุน BEM จะทำให้เกิดความตุ้มค่าในแง่ Return on Economy อย่างมาก และการลดค่าผ่านทางตลอดสายเหลือ 50 บาทก็ทำให้เกิด Return on Economy มหาศาลเช่นกัน โดยรัฐเห็นแล้วว่าเกิด Return on Economy แต่รัฐก็ให้เอกชนพออยู่ได้ เพราะหากรัฐมาทำเองก็อาจจะมีต้นทุนสูง
"ทางด่วน เรื่องนี้ใกล้แล้ว ถ้า ครม.ชุดเดิมไม่ล้มไปเสียก่อนก็ได้เข้า ครม.ไปแล้ว แต่เมื่อมี ครม.ชุดใหม่ ที่มีพรรคภูมิใจไทย มานั่งรมว.คมนาคม ซึ่งภูมิใจไทยรอบที่แล้วบอกว่าเห็นด้วยแต่ให้ไปทำ EIA ก่อน กลัวจะผิดกฎหมาย และตอนนี้ทำ EIA เสร็จแล้ว ดังนั้นหาก ครม.ชุดใหม่เข้ามาคาดว่าน่าจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อ หรือแม้แต่รัฐบาลพรรคใดเข้ามาเชื่อว่าจะทำโครงการนี้ เพราะ Return on Economy สูงมาก และสิ่งที่เจรจากับบริษัทไว้เป็นประโยชน์กับรัฐ"สำหรับธุรกิจรถไฟฟ้า กรรมการผู้จัดการ BEM กล่าวว่า ปัจจุบันงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้คืบหน้าไปกว่า 50% และคาดว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ จะจ้าง BEM เดินรถต่อเนื่องจากสายสีม่วงเส้นทางที่วิ่งอยู่ปัจจุบัน โดยอยู่ระหว่างการตั้งเรื่องเสนอต่อ ครม.ชุดใหม่ เพื่อดำเนินการตาม พ.ร.บ..ร่วมทุนฯ แต่ใช้วิธีเจรจาตรงเพราะมีประโยชน์กว่าการเปิดประมูล
ฉะนั้น รฟม.ต้องให้เวลา BEM จัดหารถไฟฟ้า 3 ปี ซึ่งงานโยธาขณะนี้คืบหน้าไปกว่า 50% คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในอีก 2ปี ดังนั้น ทางการก็ต้องรีบดำเนินการ
นายสมบัติ กล่าวว่า การเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ BEM ไม่ได้รับความเสี่ยงเรื่องจำนวนผู้โดยสาร ขณะที่มีต้นทุนคงที่
ส่วนรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน BEM รับความเสี่ยงเองเรื่องจำนวนผู้โดยสาร ซึ่งตอนนี้เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ อยู่ระหว่างเพิ่มรถอีก 21 ขบวนเพื่อรองรับผู้โดยสารสายสีส้มที่กำลังจะทยอยมาในปี 70 และจะเดินรถครบตลอดสายในปี 73
ปัจจุบัน BEM มีจำนวนรถไฟฟ้า 54 ขบวนให้บริการสายสีน้ำเงิน ขณะที่สายสีส้มมีกำหนดการเดินรถเชิงพาณิชย์ในปี 71 โดยจะเริ่มทดสอบระบบและทดลองเดินรถกลางปี 70
ทั้งนี้ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินกำลังจะ Breakeven หลังจากสายสีส้มเดินรถได้ และเตรียมทำกำไร
"ภาพรวมบรรทัดสุดท้าย มองแล้วยั่งยืน 30 ปี ที่กำลังจะ Breakeven ก็ดูดีขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้น บรรทัดสุดท้ายของ BEM แม้ว่ามันไม่ได้เป็นหุ้นจี๊ดจ๊าด เพราะว่าแต่ละ project มันกินเวลานาน กว่าจะก่อสร้าง กว่าจะ Breakeven แต่ในภาพรวมแล้วไม่มีใครมา disrupt เรา เพราะเราเป้น Economy ของประเทศ"สัญญาสัมปทานทางพิเศษ 3 สายทาง
1 ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) สิ้นสุดสัญญา 31 ต.ค.2578 (ส่วน AB, C, D)
2.ทางพิเศษประจิมรัถยา (ทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร) สิ้นสุดสัญญา 14 ธ.ค.2585
3.ทางพิเศษอุดรรัถยา C+(ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด) สิ้นสุดสัญญา 31 ต.ค.2578
สัญญาสัมปทานรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง
1.โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) ช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ 20 กม. จำนวน 18 สถานี ,ข้สวหัวลำโพง-บางแค 16 กม.จำนวน 11 สถานี และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ 12 กม. จำนวน 9 สถานี มีระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี นับจากวันที่ 30 มี.ค.2563
2.โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ (สถานีคลองบางไผ่-สถานีเตาปูน) สัญญาที่ 4 ให้บริการเดินรถไฟฟ้าและซ่อมบำรุงรักษา ระยะทาง 23 กม.จำนวน 16 สถานี ระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี นับจากวันที่ 4 ก.ย.2556
3.โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ร่วมลงทุนรูปแบบ PPP Net Cost โดยรฟม.เป็นผู้ลงทุนงานโยธาสายสีส้มช่วงตะวันออก และ BEM ลงทุนค่างานโยธาสายสีส้มช่วงตะวันตก และค่างานรถไฟฟ้า ขบวนรถไฟฟ้า บริหารเดินรถ และซ่อมบำรุงรักษาทั้งเส้นทาง เป็นระยะเวลา 30 ปี ระยะยทาง 35.9 กม. จำนวน 28 สถานี แบ่งเป็นช่วงตะวันออก 22.5 กม. จำนวน 17 สถานี และช่วงตะวันตก 13.4 สถานี จำนวน 11 สถานี