มองมุมต่าง: ระวังภาพลวงตา! SET INDEX สวยหรู แต่หุ้นส่วนใหญ่ยังไม่ฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 3, 2025 16:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

มองมุมต่าง: ระวังภาพลวงตา! SET INDEX สวยหรู แต่หุ้นส่วนใหญ่ยังไม่ฟื้น

ปรากฏการณ์ที่นักลงทุนไทยเจอบ่อยในช่วงเวลา SET INDEX "ขึ้นแรง" แต่หุ้นรายตัวส่วนใหญ่ กลับร่วงสวนทาง

ทำไม SET INDEX ทำไฮแตะ 1300 จุด แต่หุ้นรายตัว ส่วนใหญ่ติดลบ?

หากมองเฉพาะภาพรวมของ ดัชนีตลาดหุ้นไทย ที่วันนี้ปรับตัวพุ่งชน 1,300 จุด โดยยังสามารถยืนบวกได้อย่างแข็งแรง แถว ๆ 1,292 จุด ถือว่าดูดี

แต่หากมองลึกลงไปในหุ้นรายตัว มีหุ้นติดลบมากถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับปริมาณหุ้นที่บวกอยู่ สาเหตุที่หุ้นบวกน้อยกว่าติดลบ แต่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้น เกิดจาก

1.หุ้นที่บวกส่วนใหญ่ เป็นหุ้นบลูชิพ

การที่ดัชนีถูกขับเคลื่อนด้วยหุ้นบลูชิพ ที่มีขนาดของมาร์เก็ตแคปใหญ่ๆ รวมกัน SET INDEX จึงเป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักตามมาร์เก็ตแคป (market capweighted index)

ฉะนั้น หุ้นขนาดใหญ่ อย่างหุ้น PTT, ADVANC, KBANK, SCB, CPALL, AOT, DELTA สามารถผลักดันดัชนีขึ้นได้แรง

แม้หุ้นขนาดกลาง-เล็ก(Mid-Small cap) จำนวนมากจะปรับตัวลงก็ตาม

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ลงทุน ที่มีส่วนผลักดัน ดัชนี คือ นักลงทุนต่างชาติ โดย Fund Flows เหล่านี้ จะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่

นักลงทุนต่างชาติที่เป็นตัวแทนหลักของตลาดหุ้นไทย มักเน้นการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ (Large-cap stocks) คือหุ้นของบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูง เช่น อยู่ในกลุ่ม SET50 หรือ SET100

นอกจากนี้ ยังเน้นเลือกลงทุนในบริษัทที่เป็น "ผู้นำอุตสาหกรรม" มีรายได้และกำไรในระดับสูง เช่น PTT, AOT, SCB, CPALL ฯลฯ

ความนิยมลงทุนดังกล่าว เกิดจาก ความเชื่อมั่นใจในเสถียรภาพ ความน่าเชื่อถือ และศักยภาพในการดำเนินธุรกิจระยะยาว ของบริษัทนั้น ๆ

2. หุ้นที่บวก ส่วนใหญ่มีสภาพคล่องสูง (High liquidity)

การที่หุ้นรายตัวนั้นๆ มีมูลค่าการซื้อขาย (Trading volume & Value) ต่อวันสูง สามารถซื้อ-ขายได้ง่าย โดยไม่ทำให้ราคาผันผวนมาก ทำให้เป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วไป รวมถึง นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนสถาบัน, กองทุน และนักลงทุนต่างชาติ มักเลือกลงทุนหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง เพราะสามารถ เข้า-ออกตลาดได้เร็ว ด้วยปริมาณการซื้อขายมาก

นอกจากนี้ การที่หุ้นรายตัวนั้น มี Bid-Offer ที่เป็น Spread แต่ละช่องของการขยับที่แคบ ทำให้มีส่วนต่างระหว่างราคาซื้อกับราคาขายต่ำ ทำให้การซื้อ หรือขายในแต่ละครั้งที่มีปริมาณมาก ๆ ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ผันผวนนัก

สำหรับความสำคัญของหุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง ถือเป็นหุ้นที่มีคุณสมบัติที่ดี ที่นักลงทุนทุกกลุ่มชื่นชอบ โดยหุ้นเหล่านี้ สามารถเป็นตัวชี้นำตลาด เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มที่มีน้ำหนักต่อดัชนี SET INDEX ค่อนข้างมาก การขึ้นหรือลงของหุ้นใหญ่ไม่กี่ตัวจะมีผลต่อดัชนีทั้งตลาดได้

ทั้งนี้ ยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบัน เพราะการลงทุนในหุ้นเล็กอาจทำให้พอร์ตเคลื่อนไหวมากเกินไปเมื่อมีการซื้อขายครั้งใหญ่ เท่ากับว่า จะมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะซื้อ หรือขาย ก็ตาม โดยมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นขนาดเล็ก

3.หุ้นที่ติดลบ ส่วนใหญ่เป็นหุ้น MidSmall Cap

นักลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะรายย่อย อาจเทขายหุ้นเล็ก-กลางเพื่อ "หมุนเข้าหาหุ้นใหญ่" ที่มีแรงหนุนจาก fund flow และความมั่นคงมากกว่า

4.ภาวะเศรษฐกิจจริง-กำไรบริษัทเล็ก

บริษัทขนาดกลาง-เล็กจำนวนมากยังเผชิญหน้ากับแรงกดดันของกำไรที่ลดน้อยลง จากการแข่งขันที่สูงขึ้น ประกอบกับ การฟื้นตัวของความต้องการในตลาดที่ช้าลงรวมถึง ต้นทุนทางการเงิน และดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นถูกกดดัน แม้ภาพรวมของดัชนีรวมจะดูดีก็ตามที

- ตัวเลขวันนี้สะท้อนอะไร?

SET INDEX วิ่งขึ้นไปทำไฮ 1,300 จุด แต่ถูกขับเคลื่อนด้วยหุ้นขนาดใหญ่ เพียงแค่ 15 ตัวเท่านั้น(SET50)

หุ้นบวก 120 ตัว กับ หุ้นติดลบ 320 ตัว ความกว้างของการขึ้น มันแคปลง (breadth)

-สิ่งที่ต้องจับตา

1.ความยั่งยืนของ fund flow

ถ้าเงินต่างชาติไหลเข้าต่อ เน้นหุ้นใหญ่ ดัชนีอาจทรงตัวได้ แต่หุ้น midsmall cap จะยัง underperform

2. การหมุนวนหุ้นเล่น (Rotation) การคาดหวัง เม็ดเงินจะกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก

ทั้งนี้ คงต้องรอสัญญาณความชัดเจนในเรื่องของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น การบริโภคในประเทศ, การท่องเที่ยว, ทิศทางของอัตราของหนี้ครัวเรือน

วันนี้เป็น วันที่หุ้นขนาดใหญ่ผลักดันดัชนี

ดัชนีขึ้นแรงเพราะหุ้นใหญ่ไม่กี่ตัว แต่ sentiment หุ้นกลาง-เล็ก ยังไม่ฟื้น

นักลงทุนต้องแยก "ภาพรวมดัชนี" ออกจาก "โอกาสของหุ้นรายตัว" ให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้น ภาพรวมดูดี แต่พอร์ตลงทุนกลับ อยู่ฝั่งตรงกันข้าม

ธิติ ภัทรยลรดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ