หุ้น ONSENS ปิดเทรดวันแรกที่ 2.04 บาท ลดลง 0.01 บาท หรือ 0.49% จากราคา IPO ที่ 2.05 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 601.82 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 2.60 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.74 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.04 บาท
บล. กรุงศรี แนะนำ "ซื้อ" หุ้น บมจ.ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป [ONSENS] ให้ราคาเป้าหมาย 3.40 บาท/หุ้น
การเติบโตมาจากทั้งแบรนด์เดิมอย่าง Yunomori และ KLAI การเพิ่มแบรนด์ใหม่ PAK ซึ่งช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ รวมถึงการรับรู้โครงการ Social Wellness Hotel and Spa ทองหล่อที่คาดว่าจะเปิดในปี 2027F ซึ่งช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้แก่บริษัท โดยเราประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นไว้ที่ 3.40 บาท (DCF)
ด้าน บล.ทิสโก้ มองว่า เมื่อเทียบกับคู่แข่งในธุรกิจแล้ว ONSENS มีขนาดที่ค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดเช่น SPA แต่ด้วยขนาดที่เล็กกว่า และจำนวนสาขาที่น้อยทำให้มีโอกาสในการเติบโตจากการขยายสาขาได้มากกว่าจากในปัจจุบันที่มีเพียง 4 สาขา และมีแผนที่จะเปิดเพิ่มอีก 7 สาขาเทียบกับ SPA ที่ 77 สาขา แม้ว่าในระยะสั้นปริมาณนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงจะเป็นปัจจัยกดดันกลุ่ม แต่ยังมีโอกาสที่เติบโตจากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เติบโตมากกว่าค่าเฉลี่ย และประเทศไทยยังมีความสามารถในการแข่งขัน หากค่าเงินบาทเริ่มส่งสัญญาณอ่อนค่าลง และทำให้นักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศหลักๆ กลับมาอีกครั้ง
ในเชิงของการประเมินมูลค่าและความน่าสนใจในการลงทุน ราคา IPO ที่ 2.05 บาทคิดเป็น PER 29.21 เท่าสำหรับช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมาเทียบกับ SPA ที่ 15.26 เท่า (ปัจจุบันเราแนะนำให้ "ซื้อ" SPA โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 4.50 บาท) ซึ่งคิดเป็นระดับที่ต่ำกว่า ONSENS มาก แม้ว่าขนาดที่เล็กของ ONSENS จะสร้างความได้เปรียบในเรื่องขนาดของการเติบโตแต่ด้วยปัจจัยลบต่ออุตสาหกรรมในระยะสั้นจากนักท่องเที่ยวที่ลดลง ทำให้เรามองว่ารอให้เห็นการเติบโตของ ONSENS ก่อนเข้าเก็งกำไรจะน่าสนใจกว่า ทำให้เรามองว่าราคา IPO ปัจจุบันที่ 2.05 มีความเหมาะสมแล้ว
นานสมิทธิ์ เมฆอรุณกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ONSENS เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายที่จะเป็น "หุ้นเมกะเทรนด์สุขภาพ" ที่มีศักยภาพในการขยายธุรกิจ มีผลประกอบการเติบโตสม่ำเสมอ-มั่นคง และมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง การระดมทุนและเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยต่อยอดและเร่งการเติบโตทางธุรกิจตามแผนที่วางไว้ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายการขยาย 8 สาขา ภายใน 3 ปี (68-70) โดยราคาหุ้นเปิดตลาดวันแรกที่เข้าซื้อขายที่ราคา 2.60 บาท เหนือจองที่ 26.83%
แผนการดำเนินงานในช่วงต่อจากนี้ บริษัทเดินหน้าสร้างสาขา Flagship ใหม่ในย่านทองหล่อซึ่งจะเป็น New S-Curve เพื่อก้าวสู่ผู้นำด้าน Holistic Wellness อย่างเต็มตัว โดยมีแผนเปิดโครงการ Social Wellness Hotel & Spa ให้บริการออนเซ็น สปา ที่พัก บริการด้านสุขภาพ พื้นที่สำหรับคอมมูนิตี้ ภายในไตรมาส 2/2570 เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้สูงวัยที่ใส่ใจสุขภาพ ต้องการพื้นที่สำหรับการพักผ่อน
รวมถึงขยายสาขาแบรนด์ KLAI ให้บริการสปาด้วยศาสตร์การนวดแบบไทยโบราณในรูปแบบที่ทันสมัย และ PAK Massage ร้านสะดวกนวดยุคใหม่ตอบโจทย์ความคุ้มค่าของวิถีคนเมือง รวมอีก 7 สาขาภายในปี 70 เพื่อตอบรับกระแส Longevity การมีอายุยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจช่วงครึ่งหลังปี 68 มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง จากจำนวนผู้ใช้บริการของ Yunomori และ KLAI ที่เพิ่มสูงขึ้น การสื่อสารการตลาดและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจที่มีจำนวนผู้ใช้บริการสูงกว่าทุกช่วงของปี ส่งผลให้การรับรู้รายได้และอัตราการทำกำไรของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ในเกณฑ์ดีด้วยเช่นกัน
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ เชื่อมั่นว่าหุ้น ONSENS จะได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน ทั้งในด้านการเติบโตทางธุรกิจและการปันผล เนื่องจาก ONSENS เป็นธุรกิจที่มีกระแสเงินสดที่ดี มีโอกาสเติบโตโดดเด่น ทั้งจากสาขาเดิมของ Yunomori และ KLAI ที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว การขยายสาขาของแบรนด์เดิมและแบรนด์น้องใหม่ PAK Massage ที่จะทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีโครงการในอนาคต Social Wellness Hotel and Spa ที่จะเปิดให้บริการในปีช่วงไตรมาส 2/70 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตของผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ธุรกิจของบริษัทยังมีศักยภาพสูงในการแข่งขันของตลาด Premium mass จากการพัฒนาบริการการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เป็นข้อจำกัดต่อการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ อาทิ พื้นที่ ระบบ และเทคโนโลยีที่สูงกว่าสปาทั่วไป อีกทั้งภายหลังการระดมทุน ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งอยู่แล้วของ ONSENS ก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก