ThaiBMA ยื่นแก้ กม.หลักทรัพย์-กม.ล้มละลาย เพิ่มสิทธิปกป้องเจ้าหนี้หุ้นกู้-เข้มเกณฑ์ CG ผู้ออก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 7, 2025 17:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัว แม้มีรัฐบาลใหม่เข้ามาทำให้เกิดความคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว แต่บริษัทจดทะเบียนคงจะไม่ดีขึ้นในทันที และยังอาจจะการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ได้ ซึ่ง ThaiBMA เห็นว่ามีเงื่อนไขบางอย่างที่ไม่เป็นธรรมกับนักลงทุนในหุ้นกู้ อย่างที่ปรากฎบางบริษัทมีประเด็นธรรมาภิบาล เกิดการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ (Default) แล้วไปยื่นขอเข้าแผนฟื้นฟู ทำให้การชำระหนี้ทั้งหมดต้องหยุดชะงักลง กระทบเจ้าหนี้ที่เป็นนักลงทุนรายย่อย อีกทั้งตัวบริษัทก็ตั้งตัวเป็นผู้ทำแผนเสียเอง แม้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษว่าทำข้อมูลเจ้าหนี้เทียม ดังนั้นจึงเห็นว่าควรมีการแก้ไข พ.ร.บ.ล้มละลายฯ เพื่อป้ดชองโหว่ในประเด็นนี้

หรืออย่างกรณีที่มีการยืดหนี้ชำระหุ้นกู้ออกไปเรื่อยๆ แต่ก็พบว่าผู้บริหารกลับนำเงินไปคืนผู้ถือหุ้นรายใหญ่ก่อน หรือนำไปจ่ายเงินปันผลแทนที่จะนำมาชำระหนี้หุ้นกู้ แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจในการประกอบธุรกิจ เป็นปัญหาด้านธรรมาภิบาล ทาง ThaiBMA คาดว่าจะเสนอต่อ ก.ล.ต. ที่จะออกเกณฑ์ให้มีความเข้มงวดเรื่องธรรมาภิบาลของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ อาจจะตั้งเงื่อนไขให้ต้องจ่ายเงินบางประเภทหากบริษัทไม่สามารถคืนหุ้นกู้ได้

นางสาวอริยา กล่าวว่า ThaiBMA ได้เสนอเรื่องธรรมาภิบาล (CG) กับบริษัทที่ออกหุ้นกู้ให้เข้มข้นมากขึ้น เพราะเราเจอกรณีที่นำเงินไปจ่ายเงินปันผลก่อนแล้วมา Default หุ้นกู้ ทั้งนี้ได้นำเสนอต่อ ก.ล.ต.ซึ่ง ก.ล.ต.อาจไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมดที่เราเสนอ แต่เท่าที่หารือกันในเบื้องต้น ก.ล.ต.อาจไม่บังคับ แต่ขั้นต้นอาจเป็นคำแนะนำให้ปฏิบัติ หรืออาจเป็นลักษณะ Compliance explain คือถ้าไม่ทำตามให้เปิดเผยออกมา ซึ่งส่วนนี้อยู่ในข้อกำหนดสิทธิผู้ออกหุ้นกู้ที่เราเสนอไป คาดว่า ก.ล.ต.จะประกาศภายในสิ้นปีนี้และใช้ปีหน้า

ส่วนกรณีของ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ [EA] ที่ปิดสมุดทะเบยนผุ้ถือหุ้นกู้ทุกชุดเพื่อเตรียมประชุมผู้ถือหุ้นกู้นั้น นางสาวอริยา กล่าวว่า กรณีนี้น่าจะเข้าข่ายข้อกำหนดสิทธิข้อ 11.1 (ญ) ที่เมื่อปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร ซึ่งต้องขออนุมัติใหม่จากผู้ถือหุ้นกู้ เพราะคนละข้อกับที่อนุมัติไปเมื่อคราวก่อนที่ให้ยืดอายุหุ้นกู้ไปแล้ว 5 ปี โดยครั้งนี้ บริษัทเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารก็จะเข้าข่ายข้อกำหนด 11.1 (ญ) จึงต้องขออนุมัติใหม่เพื่อไม่ให้การปรับโครงสร้างหนี้ถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งกรอบเวลาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ธนาคารไม่ทัน ก็เป็นการขยายกรอบเวลาปรับโครงสร้างหนี้

นอกจากนี้ ThaiBMA ยังได้เสนอเรื่องให้กับ ก.ยุติธรรม เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.ล้มละสายฯ มุ่งไปแก้ไขเรื่องหุ้นกู้

- จากปัญหาที่พบว่าผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ทำหน้าที่แทนเจ้าหนี้ไม่ได้ อย่างกรณี JKN โดย กม.กำหนดให้เจ้าหนี้ทุกรายไปยื่นขอชำระหนี้ เพื่อแสดงตัวเป็นเจ้าหนี้ ถ้าไม่ยื่นเมื่อถึงเวลาจ่ายคืนหนี้ ก็จะถือว่าเจ้าหนี้รายนั้นหมดสิทธิ จึงทำให้เกิดความโกลาหดสำหรับเจ้าหนี้หุ้นกู้ที่มีจำนวนมากกว่า 10,000 ราย แต่ ThaiBMA เห็นว่าผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้มีรายชื่อเจ้าหนี้หุ้นกู้ทุกรายอยู่แล้วก็ควรส่งตัวแทนไปดำเนินการแทน แต่ กม.ไม่ได้ระบุไว้เช่นนั้น จึงต้องแก้ไขเพื่อให้ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้มีบทบาทมากขึ้น

- คุณสมบัติผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการมีความสุจริตหรือไม่ จากกรณี JKN ที่ก.ล.ต.ได้กลาวโทษว่าบริษัทตบแต่งงบการเงินและให้ข้อมูลเจ้าหนี้เป็นเท็จ แต่กลับไม่ได้มีผลต่อการเป็นผู้จัดทำแผนฟื้นฟู ซึ่งเป็นการไม่มีการบูรณาการในการทำงาน 2 หน่วยงานราชการ ซึ่งฝั่ง ก.ยุติธรรม ไม่ได้นำเรื่องนี้มาพิจารณาให้เป็นผู้ทำแผนฯ

- กรณีลงคะแนนเสียงที่ต้องใช้มติถึง 2 ใน 3 ที่จะรับหรือไม่รับบริษัทหรือบุคคลใดมาเป็นผู้ทำแผนฯ อย่างกรณี JKN ที่ตบแต่งข้อมูลตัวเลขเจ้าหนี้ ดังนั้นผู้ที่ต่อต้านจึงมีจำนวนมากถึง 62% แต่ยังน้อยกว่า 2 ใน 3 หรือ 66% ดังนั้นจึงขอแก้ไขเป็นใช้เสียงกึ่งหนึ่ง หรือ เสียงข้างมากของเจ้าหนี้ที่มีสิทธิโหวตและเข้าร่วมประชุม

อย่างไรก็ตาม เท่าที่ติดตามกรณีการแก้ไขประเด็นเกี่ยวกับหุ้นกู้ในพ.ร.บ.ล้มละลายฯ ยังไม่ได้เสนอเข้าสู่สภาฯ

นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ ThaiBMA กล่าวเพิ่มเติมว่า พ.ร.บ.ล้มละลายฯที่ใช้อยู่ มีเจตนาให้โอกาสลูกหนี้ และให้ลูกหนี้เป็นผู้ทำแผนตัวเอง เพราะจะได้ไม่ถูกเจ้าหนี้เอาเปรียบ แต่ปัจจุบัน เจ้าหนี้หุ้นกู้บริษัท เป็นผู้ลงทุนธรรมดาจำนวนมาก ที่รับผลกระทบเมื่อบริษัทผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ตนเชื่อว่า ก.ล.ต. และก.ยุติธรรม มีความตระหนักสิ่งเหล่านี้เชื่อว่าต่อไปนี้จะมีระบบนิวเศที่สมบูรณ์ขึ้น ถือเป็นทิศทางที่สำคัญ โดยจะมีการแก้ไข ปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่างๆทั้งในส่วนพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ และ พ.ร.บ.ล้มละลาย โดยหากเรามีระบบนิเวศกฎหมายสมบูรณ์ขึ้น ที่แก้ไขกรณีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ให้มีบทบาทเต็มที่ในการใช้สิทธิแทนผู้ถือหุ้นกู้ น่าจะช่วยผลักดันตลาดทุนให้สมบูรณ์ขึ้น

"กฎหมายปัจจุบันเรียกว่าให้ second chance พยายาให้โอกาสลูกหนี้สามารถแก้ไขปรับปรุงฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาได้ โดยไม่ให้เจ้าหนี้ไปเอาเปรียบ ตัวลูกหนี้ได้สิทธิก่อน กฎหมายมีเจตนาที่ดี แต่ในยุคสมัยใหม่ มีลูกหนี้ใน Bond Market ที่มีลูกหนี้ เป็นบริษัท ใหญ่ ในทางกลับกันเจ้าหนี้กลายเป็นผู้น้อย คือผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาจำนวนมาก การที่กฎหมายปกป้อง ก็อาจมีการมองกว้างขึ้นนอกเหนือจากลูกหนี้ในบริบทแบบเดิม กับเจ้าหนี้ในบริบทใหม่ควรจะเป็นอย่างไรบ้าง"

นายสมจินต์ มองว่า หากตลาดมีระบบนิเวศดีขึ้น การมี Corporate Bond Fund หรือ High Yield Bond Fund หรือ Distressed Bond Fund ก็อาจเกิดขึ้นได้ ที่ไม่ได้แก้เรื่อง Default ของหุ้นกู้ แต่หากเกิด Default แล้วมี Distressed Bond Fund มาซื้อ หุ้นกู้เหล่านี้ ออกไปอย่างน้อยทำให้ผู้ถือหุ้นกู้ที่ Default ได้สภาพคล่องคืน ขณะเดียวกัน หากมีกองทุน Corporate Bond ที่มีผลตอบแทนสูงและต่ำมารวมกันช่วยกระจายความเสี่ยงหรือหากเกิด Default ก็สามารถขายออกไปได้ ก็จะเป็นทางเลือกให้นักลงทุน

ทั้งนี้ หุ้นกู้ Default ที่ขายออกไปในต่างประเทศมี Distressed Bond Fund ที่ลงทุนหุ้นกู้มีปัญหารองรับ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ