(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ ขาดปัจจัยใหม่หนุนทั้งในและต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 9, 2025 09:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีรวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอ

สเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่เข้ามาหลังรับรู้ปัจจัยการประชุมคณะกกรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ไปแล้วเมื่อวาน ซึ่งยังคงดอกเบี้ยต่อ ซึ่งอาจจะผิดคาดจากที่ตลาดคาดว่ามีโอกาสลดดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ไปบ้าง

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่เช่นเดียวกัน แต่อาจจะมีแรงหนุนเข้ามาบ้างในกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่ยังได้อานิสงส์จากข่าวการลงทุน AI ในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ ซึ่งอาจจะช่วยหนุนดัชนีได้บ้าง ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน

โดยให้แนวต้าน 1,310 จุด แนวรับ 1,290 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (8 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,601.78 จุด ลดลง 1.20 จุด หรือ -0.003%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,753.72 จุด เพิ่มขึ้น 39.13 จุด หรือ +0.58% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,043.38 จุด เพิ่มขึ้น 255.02 จุด หรือ +1.12%

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดที่ระดับ 48,035.42 จุด เพิ่มขึ้น 300.43 จุด หรือ +0.63% ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,898.31 จุด เพิ่มขึ้น 15.53 จุด หรือ +0.39% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 26,862.03 จุด เพิ่มขึ้น 32.57 จุด หรือ +0.12%

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 ต.ค.) 1,304.92 จุด ลดลง 0.32 จุด (-0.02%) มูลค่าซื้อขาย 37,346.56 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (8 ต.ค.) 333.00 ล้านบาท

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. (8 ต.ค.) เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ หรือ 1.33% ปิดที่ 62.55 ดอลลาร์/บาร์เรล

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 ต.ค.) อยู่ที่ 1.32 เหรียญ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 32.55 ตลาดรอปัจจัยใหม่ จับตาถ้อยแถลงประธานเฟดคืนนี้

- กนง. เปิดผลประชุม 5 ต่อ 2 เสียง มีมติ "คงดอกเบี้ย" เหตุผลรอดูผลการส่งผ่านจากดอกเบี้ยจากรอบที่ผ่านมา ชี้นโยบายการเงินมีความจำเป็นอยู่ระดับผ่อนคลายต่อเนื่องถึงปี 69 ล่าสุด หั่น "เงินเฟ้อ" เหลือ 0% ปีนี้ แต่เชื่อยังไม่เข้าสู่ ภาวะ "เงินฝืด" พร้อมจับตาการขยายตัวสินเชื่อ อาจมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจ

- "อนุทิน" นายกฯ สั่งเร่งสปีดไทยสู้ประเทศเวียดนาม Reset ความมั่นคงชายแดนมุ่งสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ส่วน "เอกนิติ" รมว.คลัง เผยสัปดาห์หน้าจะเสนอมาตรการภาษีหนุนการท่องเที่ยว และจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกสัปดาห์ตลอด 4 เดือน "ผยง" ประธานสมาคมธนาคารไทย มั่นใจ "Quick Big Win" มาตรการเร่งด่วนของรัฐบาลช่วยสร้างความเชื่อมั่น ดันเศรษฐกิจปีนี้โต 2.4%

- "วิป 3 ฝ่าย" เคาะกรอบถกแก้ รธน. 14-15 ต.ค. รวมร่าง 3 ฉบับ แต่แยกลงมติ ใช้เวลาทั้งหมด 19 ชั่วโมงครึ่ง ให้ฝ่ายค้าน 10 ชม. "ปธ.วันนอร์" ไร้ข้อกังวล เดินตามคำวินิจฉัยศาล "สว." ชี้ 3 ร่างไม่มีปัญหา หากไม่แตะหมวด 1-2 ฟาก "ภราดร" เชื่อทุกฝ่ายเห็นตรงกันในหลักการ คาดชั้น กมธ.เสร็จเร็ว เปิดสภาสมัยหน้า ธ.ค. ลุยวาระ 2-3 ต่อได้ทันที

- "อรรถพล" ประกาศผลักดัน 8 โครงการ Quick Big Win ด้านพลังงาน กระตุ้นเศรษฐกิจรวมกว่า 700,000 ล้านบาท สร้างงานกว่า 16,000 ตำแหน่ง พร้อมหนุนเป้าหมาย Net Zero ปี 93 จับตาโครงการเด่น โซลาร์ชุมชน, โซลาร์ลอยน้ำ 3 เขื่อน, Direct PPA ภาคอุตสาหกรรม, โครงการ CCS

- หอการค้าปรับเป้าจีดีพีเพิ่มเป็น 2% หลังส่งออกโตเกินคาด ลงทุนพลิกเป็นบวก คาดคนละครึ่งพลัส-เติมเงินบัตรฯ รัฐ กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม 0.44%

- สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ชี้ ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในระดับ "ร้อนแรง" ขยับแตะ 153.62 นักลงทุนสถาบัน-ต่างชาติ มองบวกต่อทิศทางตลาด หลังเฟดลดดอกเบี้ย รัฐบาลใหม่เดินหน้าอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้ยังห่วงวินัยการคลังและเศรษฐกิจโลกชะลอ

*หุ้นเด่นวันนี้

- ICHI (ฟินันเซียไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 14 บาท เราคาดกำไรไตรมาส 3/68 ที่ 360 ลบ. +12% q-q, +1% y-y ตามแรงหนุนจากมูลค่าตลาดชาเขียวที่คาดกลับมาเติบโตในไตรมาส 3/68 ส่งผลให้โมเมนตัมรายได้ทยอยเร่งตัวขึ้น ผู้บริหารมั่นใจว่าแนวโน้ม 2H25 จะดีกว่า 1H25 เราประเมินกำไรปี 2568 ที่ 1.3 พันลบ. -3% y-y และกลับมาเติบโต +7% y-y ในปี 2569 จุดเด่นคือ Dividend Yield ที่สูงราว 9% ต่อปี รวมถึงเป็นหนึ่งในหุ้นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์บวกจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคคนละครึ่งพลัสในช่วงปลายปี

- KCG (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อ" ราคาเป้าหมายBloomberg Consensus 11.00 บาท กำไรสุทธิ 1H68 อยู่ที่ 221 ลบ. +33%YoY หนุนจากสินค้ากลุ่ม Dairy และกลุ่ม Food and Bakery Ingredient ขณะที่ในส่วนของต้นทุนค่าใช้จ่าย ได้ประโยชน์จาก Solar Roof รวมถึงการเปิดใช้งาน KCG Logistic Park ด้านการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ไตรมาส3 อาจกดดันบ้างตามฤดูกาล แต่จะเข้าสู่ High Season ในไตรมาส4 และมีปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิ KCG* ปี68 และ69 จะอยู่ที่ 446 ลบ.(+10%YoY) และ 517 ลบ.(+16%YoY)

- STECON (พาย) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 9.40 บาท ปัจจัยบวกจากแนวโน้มผลประกอบการช่วง 2H25 ยังเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่องจาก 1H25 ทั้งจากฐาน Backlog ที่มีอยู่กว่า 100,000 ล้านบาท และการไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและชมพูไตรมาสละกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่การเซ็นสัญญางานใหม่มีงานภาคเอกชนที่รอเซ็นอีกกว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้เป็นไปตามเป้าที่จะมีงานใหม่เข้ามาที่ 50,000 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ