
นายวิเลิศ อรวรรณวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลัส เทค อินโนเวชั่น [PTECH] เปิดเผยว่า PTECH จะถูกปลดเครื่องหมาย SP (Suspension) และกลับมาซื้อขายหุ้นได้ตามปกติในตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. 68 ภายหลังจากการแก้ไขสัดส่วนกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ได้ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่ ตลท. กำหนด โดยมีจำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่น้อยกว่า 150 ราย และมีสัดส่วนการถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่า 15% ของทุนชำระแล้ว
ทั้งนี้ ข้อมูลรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 2 ต.ค.68 บริษัทมีผู้ถือหุ้นรายย่อย (Non-Strategic Shareholder) จำนวน 457 ราย ถือหุ้นรวมกันจำนวน 59,613,968 หุ้น หรือคิดเป็น 16.23% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วของบริษัท
ปัจจุบัน PTECH ดำเนินธุรกิจผลิตบัตรเครดิต (Visa & MasterCard) และเป็นผู้นำด้านการผลิตบัตรพลาสติกประเภทต่างๆ รวมถึงให้บริการบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลลงบนบัตร ซึ่งมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง และสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง จากการเข้ารับงานในโครงการสำคัญต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน อาทิ บัตร Rabbit ของ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ [BTS], บัตรพลาสติกของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ เช่น CardX ของธนาคารไทยพาณิชย์ , บัตรจากสถาบันการเงินของรัฐ เช่น ธ.ก.ส. และ ธอส. รวมถึงโครงการภาครัฐ เช่น บัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรสีชมพู) ของกรมการปกครอง
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินแนวโน้มของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พบว่าธุรกิจรับจ้างผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Manufacturing Services: EMS) อยู่ในช่วงของการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในส่วนของ PCB assembly และ system assembly ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรม จึงได้มีมติขยายธุรกิจเข้าสู่สายธุรกิจ EMS
"การเข้าสู่ธุรกิจ EMS ถือเป็นการต่อยอดที่สำคัญของบริษัท และคาดว่าจะเป็นธุรกิจที่สามารถสร้าง New S-Curve ที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนในระยะยาว รวมถึงเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ ลดการพึ่งพิงรายได้จากธุรกิจหลักเพียงประเภทเดียว พร้อมเพิ่มความสมดุลระหว่างรายได้ที่มั่นคงจากธุรกิจดั้งเดิม กับรายได้ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงจากธุรกิจใหม่ นำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ถือหุ้น และสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนและคู่ค้าได้อย่างยั่งยืน" นายวิเลิศ กล่าวปัจจุบัน PTECH อยู่ระหว่างการปรับพื้นที่และติดตั้งโรงงาน รวมถึงลงทุนในเครื่องจักร SMT ระบบทดสอบคุณภาพ และการจัดตั้งทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจใหม่ด้าน EMS โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตและส่งออกได้ภายในปี 2568