หุ้น KBANK บวก 0.30% มาอยู่ที่ 167.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท มูลค่าซื้อขายราว 806 ล้านบาท เมื่อเวลา 12.13 น. โดยเปิดตลาดที่ 167 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 167.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 165.50 บาท
KTB ยืนทรงตัวที่ 24.80 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากราคาปิดวานนี้ ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 901.44 ล้านบาท
ดัชนีหุ้นกลุ่มแบงก์บวกขึ้นมา 0.18% ขณะที่ SET ท้ายภาคเช้ายังติดลบหนักกว่า 27 จุด
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า บริษัทจดทะเบียนเตรียมประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/68 เริ่มด้วยกลุ่มสถาบันการเงิน ได้แก่ 14 ต.ค. TISCO / 17 ต.ค. KTC / 20 ต.ค. KKP / 21 ต.ค. BBL, KBANK, SCB, TTB / 24 ต.ค. DELTA โดยกลุ่มธนาคารอาจดีดตัวช่วงสั้น แต่อาจขายทำกำไรก่อนประกาศงบ จากภาพรวมผลประกอบการที่ยัง -QoQ และ - YoY
บล.เอเอสแอล ระบุว่า กลุ่มธนาคาร 7 แห่งที่เราศึกษาคาดว่าจะรายงานกำไรสุทธิ Q3/68 เท่ากับ 5.59 หมื่นล้านบาท -1%QoQ, +2%YoY โดยได้ KTB ที่จะรายงานผลการดำเนินงานโดดเด่นที่สุดเนื่องจากคาดว่าจะมีการรับรู้เงินลงทุนจากหุ้น THAI ผ่าน FVTPL ที่ทำให้ภาพรวมรายได้ Non-NII ของกลุ่มเติบโตเด่น
ส่วนด้านรายได้ดอกเบี้ยชะลอตัวลงทั้งกลุ่มจากผลของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในรอบเม.ย. และส.ค. รวมถึงผลของมาตรการคุณสู้เราช่วย ตามการลดภาระดอกเบี้ยของลูกค้ากดดัน NIM ที่ปรับตัวลง และผลของความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยข้อมูลในเดือนส.ค. สินเชื่อรวม -1.0%MoM, -2.6%YTD ส่วนด้านการตั้งสำรอง เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง ส่งผลต่อคุณภาพลูกหนี้ให้อ่อนแอลงมาบ้างเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนที่ 3.73% แต่อย่างไรก็ดี ทั้งกลุ่มยังมีความแข็งแกร่ง มีสัดส่วน NPLs coverage อยู่ในระดับสูงกว่า 180% (Q2/68=186%)
หากพิจารณารายธนาคาร แบ่งเป็น
ขยายตัวทั้ง QoQ และ YoY ได้แก่ KTB TISCO
ลดลงทั้ง QoQ และ YoY ได้แก่ KBANK BBL TTB
ลดลง QoQ ดีขึ้น YoY ได้แก่ SCB KKP
เราคงน้ำหนัก Neutral สำหรับกลุ่มธนาคาร แม้ภาพปัจจัยพื้นฐานได้รับผลกระทบจากมหภาคทั้งภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน หนี้ภาคครัวเรือนในระดับสูง มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้จากภาครัฐ และบรรยาการศอัตราดอกเบี้ยขาลงกดดัน NIM แต่กลุ่มยังมีความน่าสนใจในด้านเงินปันผลที่อยู่ในระดับสูงในกรอบ 6-8% ต่อปี รวมกับคุณภาพสินทรัพย์ที่อยู่ในระดับบริหารจัดการได้ มีความเพียงพอของเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง
โดยเราเลือก KTB จากแนวโน้มผลงานปีนี้เติบโตเด่นสุดในกลุ่ม, SCB โดดเด่นด้วยเงินปันผลในระดับสูงราว 8-9% ต่อปีและ KKP ที่มีโครงการซื้อหุนคืนพยุงราคาหุ้น รวมถึงผลขาดทุนรถยึดที่ดีขึ้น เป็น Top pick ของกลุ่ม