
บมจ.อินดิจี [IDG] กำหนดราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 28,000,000 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 3.00 บาท รวมมูลค่าการเสนอขายไม่เกิน 84 ล้านบาท เปิดให้จองซื้อวันที่ 15-17 ต.ค.68 และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กลุ่มอุตสาหกรรม เทคโนโลยี วันที่ 24 ต.ค.นี้ โดยมี บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นครั้งนี้พิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: PER) ทั้งนี้ ราคาหุ้นที่เสนอขายหุ้นละ 3.00 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิเท่ากับ 17.65 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลังตังแต่วันที่ 1 ก.ค.67-30 มิ.ย.68 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 16.97 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังการเสนอขายหุ้น IPO ซึ่งเท่ากับ 100.00 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 0.17 บาทต่อหุ้น
วัตถุประสงค์การใช้เงินจากการระดมทุน 1. วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ 20 ล้านบาท 2. ขยายสำนักงานและศูนย์บริการธุรกิจดิจิทัล 25 ล้านบาท และ 3. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท 29.95 ล้านบาท
IDG ประกอบธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานสฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) และพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) แบบครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยีชั้นนำที่ทันสมัยมาวางโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจให้กับลูกค้า ภายใต้แนวคิด "Simplify Work, Amplify Innovation" ธุรกิจของบริษัทมี 3 ประเภทหลัก ประกอบด้วย 1) การจำหน่ายซอฟต์แวร์ 2) การให้บริการให้คำปรึกษา การพัฒนาระบบ การให้บริการบำรุงรักษาระบบและซอฟต์แวร์ และ 3) การให้บริการอื่นๆ
นายกิตติชัย นาคะประเสริฐกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า IDG เสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 28,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 0.50 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 28% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO โดยมีผู้ร่วมจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 2 แห่ง ประกอบด้วย บล.ทรีนิตี้ และ บล.ไอร่า
การพิจารณาช่วงเวลาในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า SET index ตั้งแต่ต้นปีมีความผันผวน และเปราะบางจากข่าว อย่างไรก็ตามแนวโน้มเริ่มดีขึ้นจากต้นปีที่ผ่านมา นักลงทุนกลับมามั่นใจต่อหุ้น IPO สะท้อนจากหุ้น IPO ที่เข้าพึ่งเข้าตลาดได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งพิจารณาจากทั้ง 2 ปัจจัยมองว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เหมาะสมในการเข้าจดทะเบียน
ภายหลังจากการระดมทุน บริษัทฯ พร้อมที่จะนำเงินไปใช้เสริมศัยกภาพในการดำเนินธุรกิจตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ โดยกำหนดนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจของบริษัทฯ ภายหลังการ หักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับบริษัทฯ
นายวิธาน ฉั่วเจริญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IDG กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะสร้างให้ IDG เติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทตั้งเป้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้ปี 71 จะเติบโตเป็น 2 เท่าจากปี 68 จากการพัฒนา Digital business Center ขยายตลาดใหม่ทั้งกลุ่ม SME และมีแผนขยายกลุ่มภูมิภาค ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพูดคุยกับลูกค้ากลุ่ม CLMV อีกทั้งมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืน มุ่งพัฒนา AI ที่เหมาะสมกับแต่ละองค์กร รวมทั้งการหาโอกาสจาก Data Center
ด้านผลประกอบการระหว่างปี 65-67 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 125.96 ล้านบาท 115.01 ล้านบาทและ 127.26 ล้านบาท ตามลำดับ และในงวด 6 เดือนแรกของปี 68 มีรายได้ 64.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 55.61 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิในระหว่างปี 65-67 ยู่ที่ 22.58 ล้านบาท 11.09 ล้านบาท และ 15.22 ล้านบาท ตามลำดับ และในงวด 6 เดือนแรกของปี 68 มีกำไรเท่ากับ 7.59 ล้านบาท
โครงสร้างรายได้ของบริษัทแบ่งเป็น 4 ประเภทหลัก ประกอบด้วย 1) รายได้จากการขายซอฟต์แวร์ Microsoft และซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเอง สัดส่วนรายได้ 29% 2) รายได้จากการบริการพัฒนาระบบดิจิทัล ที่รับรู้รายได้ตามสัดส่วนความก้าวหน้าของงาน สัดส่วน 29% 3)รายได้จากค่าบริการบำรุงรักษาระบบและซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นสัญญาบริการระยะยาว สัดส่วน 19% และ 4) รายได้จากค่าบริการอื่น ๆ สัดส่วน 23% อาทิการให้คำปรึกษา ฝึกอบรม และบริการระบบคลาวด์ โดยบริษัทเน้นพัฒนาโซลูชันและบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของลูกค้า พร้อมมุ่งสร้างรายได้แบบต่อเนื่อง (Recuring Income) เพื่อเสริมความยั่งยืนทางธุรกิจ
ขณะที่ ฐานลูกค้าหลักแข็งแกร่งในกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่และเอนเตอร์ไพรส์ คิดเป็นเกือบ 85% ของลูกค้าทั้งหมด โดยกระจายอยู่ในกลุ่มสถาบันการเงิน สุขภาพ เทคโนโลยีสารสนเทศ และ อาหารและเครื่องดื่ม สะท้อนถึงบทบาทของ IDG ในการเป็นพาร์ทเนอร์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำ
นายวิธาน กล่าวอีกว่า IDG มั่นใจทิศทางการเติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง สอดคล้องกับกระแสขยายตัวของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและดิจิทัล พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจที่ปรึกษา Digital Transformation และพัฒนา Digital Platform แบบครบวงจร ด้วยประสบการณ์กว่า 25 ปี เปิดเกมรุกสร้าง "New Growth Engine" ผลักดันภาคธุรกิจไทยสู่การทรานส์ฟอร์มเต็มรูปแบบ ตอกย้ำบทบาทผู้นำขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และตั้งเป้ารายได้เติบโตก้าวกระโดดภายใน 3-5 ปี สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนในระยะยาว