สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (14 - 17 ตุลาคม 2568) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ในสัปดาห์นี้ (4 วันทำการ) มีมูลค่ารวม 405,476 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 101,369 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า ประมาณ 1% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 50% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 203,081 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออก โดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 169,383 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขาย เท่ากับ 16,850 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42% และ 4% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB456A (อายุ 19.7 ปี) SLB406A (อายุ 14.7 ปี) และ LB294A (อายุ 3.5 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 20,534 ล้านบาท 16,651 ล้านบาท และ 13,636 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) รุ่น LH28OA (A) มูลค่าการซื้อขาย 1,471 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) รุ่น TBEV288A (AA(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 1,048 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) รุ่น CPAXT27OC (AA-) มูลค่าการซื้อขาย 893 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้น 3-17 bps. ในตราสารระยะยาว ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนขายทำกำไรออกมาบางส่วน ด้านปัจจัยต่างประเทศ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงว่าเฟดอาจใกล้ถึงจุดที่จะยุตินโยบายคุมเข้มเชิงปริมาณ (quantitative tightening) ซึ่งเป็นกระบวนการลดการถือครองสินทรัพย์ในงบดุลของเฟดที่มีมูลค่ามากกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณใด ๆ เกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในระยะยาว ขณะที่นายนาโอกิ ทามูระ กรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ออกมาเรียกร้องให้ BOJ เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เข้าใกล้ระดับที่ เป็นกลางต่อเศรษฐกิจ (Neutral Interest Rate) มากขึ้น เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้านปัจจัยในประเทศ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.0% ในปีนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค. และปรับลดตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้า สู่ระดับ 1.6%
สัปดาห์ที่ผ่านมา (14 - 17 ตุลาคม 2568) กระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 1,197 ล้านบาท โดยเป็นการขายสุทธิ ในตราสารหนี้ระยะสั้น (ST) (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 50 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (LT) (อายุมากกว่า 1 ปี) 1,913 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 666 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price Index) เปลี่ยนเป็น ดัชนีหุ้นกู้เอกชน(MTM Corp Bond Gross Price Index) ตั้งแต่ ม.ค. 2565
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (14 - 17 ต.ค. 68) (6 - 10 ต.ค. 68) (%) (1 ม.ค. - 17 ต.ค. 68) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 405,475.68 399,848.48 1.41% 17,590,963.40 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 101,368.92 79,969.70 26.76% 91,144.89 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 114.53 115.29 -0.66% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (MTM Corp Bond Gross Price Index) 109.23 109.36 -0.12% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (17 ต.ค. 68) 1.24 1.24 1.22 1.22 1.32 1.63 1.92 2.26 สัปดาห์ก่อนหน้า (10 ต.ค. 68) 1.23 1.23 1.21 1.23 1.29 1.53 1.75 2.17 เปลี่ยนแปลง (basis point) 1 1 1 -1 3 10 17 9