BAM บวก 3.68% มาที่ 7.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 31.38 ล้านบาท เมื่อเวลา 9.57 น. จากราคาเปิด 6.95 บาท ราคาสูงสุด 7.05 บาท ราคาต่ำสุด 6.95 บาท
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นความคืบหน้าการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผลักดันตั้ง JV AMC เพิ่มคาดหวังจะช่วยลด NPL ลง 20-30% ของทั้งระบบ จากปัจจุบันที่ลดลงได้ราว 10% ขณะที่เราคาดว่าจะช่วยเร่งให้ NPL ในส่วนของสินเชื่อรายย่อยลดลงได้ในอนาคต เพราะรอบนี้จะเน้นแก้หนี้รายย่อยที่ไม่มีหลักประกันก่อน ซึ่งจะมี บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ [BAM] และ บริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) (เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่) เข้ามาเป็นตัวกลางในการจัดการหนี้ โดยอ้างอิงจากข่าวรอบก่อนระบุว่าจะใช้วงเงินเบื้องต้นทั้งหมด 1 หมื่นล้านบาท (มาจากเงินที่เหลือจากโครงการ "คุณสู้ เราช่วย" ปัจจุบันยังเหลือเงินอยู่ 26,000 ล้านบาท) โดยจะซื้อหนี้ที่ 7 พันล้านบาท (ที่ราคา 5% ของหนี้รวม 123,000 ล้านบาท) และอีก 3 พันล้านบาท เป็นค่าบริหารจัดการของ BAM และ SAM
ขณะที่เราคาดว่ากลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ 3 แห่งที่ BAM กำลังหารือเพื่อตั้ง JV AMC เพิ่มเติม คือ KTB, SCB, BBL (โดย KBANK มี JV AMC อยู่แล้วกับ JMT และ BAM) แต่อย่างไรก็ดี เรายังคงต้องรอรายละเอียดเงื่อนไขการร่วมทุน ในเรื่องของสัดส่วนการถือหุ้นและสิทธิ-หน้าที่ของ AMC และแต่ละธนาคาร) อีกที
ทั้งนี้ ธนาคารขนาดใหญ่ที่มีสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยที่ไม่มีหลักประกันเรียงจากมาก-น้อยคือ TTB (7%), BAY (6%), KBANK (6%), SCB (5% รวมกลุ่มบริษัทย่อย) ขณะที่เราคาดว่ากลุ่ม Non-bank จะได้ประโยชน์มากกว่ากลุ่มธนาคาร จากวงเงินรับซื้อหนี้ที่มากกว่า (AEONTS และ TURBO สัดส่วน Nano finance ที่ 20%, MTC สัดส่วนสินเชื่อไม่มีหลักประกัน 5-10%, SAWAD มี P-loan ที่ 3%) และ BAM ที่เราคาดว่าจะได้ประโยชน์โดยตรง
อย่างไรก็ดี การทำ JV AMC เป็นรูปแบบเดิมที่ปัจจุบันมีอยู่แล้ว โดยปัจจุบัน KBANK มีการทำ JV ร่วมกับ JMT และ BAM อยู่แล้ว (ซึ่งมีระยะเวลาที่อนุญาตให้ดำเนินธุรกิจ JV AMC ได้ไม่เกิน 15 ปี) โดย KBANK เริ่มทำ JV AMC กับ JMT (JK AMC) เมื่อช่วงไตรมาส 3/65 ทำให้ NPL ของ KBANK ลดลงได้ดีมาก มาอยู่ที่ 3.07% จากไตรมาส 2/65 ที่ 3.80% ขณะที่เราดูจากงบของ JMT พบว่ามีส่วนแบ่งกำไรที่ได้จาก JK AMC งวด 1H25 อยู่ที่ 144 ล้านบาท (จาก 1H24 ที่ 228 ล้านบาท) ซึ่งหากคิดแบบทั้งปี จะคิดเป็นสัดส่วนที่ 0.6% ของกำไรสุทธิปี 2025E ของ KBANK
ยังคงน้ำหนักเป็น "มากกว่าตลาด" เลือก KTB, SCB เป็น Top pick เราให้น้ำหนักการลงทุนของกลุ่มธนาคารเป็น "มากกว่าตลาด" เพราะ valuation ยังถูก โดยเทรดที่ระดับเพียง 0.72x PBV (-1.00SD below 10-yr average PBV) และระดับ Dividend yield ของกลุ่มที่อยู่สูงถึง 7% จากค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นที่ 3% โดยเรายังคงเลือก KTB (ซื้อ/เป้า 27.00 บาท), SCB (ซื้อ/เป้า 145.00 บาท) เป็น Top pick