สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (27 - 31 ตุลาคม 2568) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ มีมูลค่ารวม 404,184 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 80,837 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 1% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้ว จะพบว่ากว่า 50% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 201,275 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (state Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาล ที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 156,917 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 23,866 ล้านบาท หรือคิดเป็น 39% และ 6% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ
สำหรับพันธบัตรรัฐบาล ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB353A (อายุ 9.4 ปี) LB284A (อายุ 2.5 ปี) และ LB776A (อายุ 51.7 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 42,439 ล้านบาท 20,910 ล้านบาท และ 9,231 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) รุ่น CPAXT28OB (AA-) มูลค่าการซื้อขาย 2,495 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) รุ่น TBEV266A (AA(tha)) มูลค่าการซื้อขาย 1,727 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) รุ่น BJC283A (A) มูลค่าการซื้อขาย 1,236 ล้านบาท
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวเพิ่มขึ้น 2-9 bps. ในตราสารหนี้ระยะยาว โดยมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติกลับมาลงทุนในตราสารหนี้ไทย ด้านปัจจัยในประเทศ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 68 เพิ่มขึ้นเป็น 2.4% จากเดิมที่คาดไว้ 2.2% จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงการส่งออกสามารถขยายตัวได้ดีกว่าคาด ด้านปัจจัยต่างประเทศ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป ของสหรัฐฯ (Headline CPI) ประจำเดือน ก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.0% (YoY) ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.1% ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา รายงานแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯในไตรมาส 3/2568 จะมีการขยายตัว 3.9% หลังจากเศรษฐกิจหดตัว 0.5% ในไตรมาส 1 และขยายตัว 3.8% ในไตรมาส 2
สำหรับผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันที่ 28-29 ต.ค. มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลง 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ตามการคาดการณ์ของตลาด พร้อมทั้งประกาศยุติมาตรการลดขนาดงบดุล(Quantitative Tightening : QT) มีผลตั้งแต่ 1 ธันวาคมนี้
สัปดาห์ที่ผ่านมา (27 - 31 ตุลาคม 2568) กระแสเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิ 29,463 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิใน ตราสารหนี้ระยะสั้น (ST) (อายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี) 336 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว (LT) (อายุมากกว่า 1 ปี) 29,142 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 15 ล้านบาท
หมายเหตุ: อันดับเครดิต หมายถึง อันดับเครดิตของหุ้นกู้เฉพาะรุ่น หรือ อันดับเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้
ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (Corp Bond Gross Price Index) เปลี่ยนเป็น ดัชนีหุ้นกู้เอกชน(MTM Corp Bond Gross Price Index) ตั้งแต่ ม.ค. 2565
ความเคลื่อนไหวในตลาดตราสารหนี้ไทย สัปดาห์นี้ สัปดาห์ก่อนหน้า เปลี่ยนแปลง สะสมตั้งแต่ต้นปี (27 - 31 ต.ค. 68) (20 - 24 ต.ค. 68) (%) (1 ม.ค. - 31 ต.ค. 68) มูลค่าการซื้อขาย แบบปกติ - Outright Trading (ล้านบาท) 404,184.16 407,680.46 -0.86% 18,402,828.02 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน (ล้านบาท) 80,836.83 101,920.12 -20.69% 91,103.11 ดัชนีพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Gross Price index) 113 113.57 -0.50% ดัชนีหุ้นกู้เอกชน (MTM Corp Bond Gross Price Index) 108.82 109.08 -0.24% เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Gov Bond Yield Curve) --% ช่วงอายุของตราสารหนี้ 1 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี 15 ปี 30 ปี สัปดาห์นี้ (31 ต.ค. 68) 1.26 1.26 1.26 1.36 1.46 1.74 2.05 2.43 สัปดาห์ก่อนหน้า (24 ต.ค. 68) 1.26 1.26 1.26 1.27 1.38 1.72 2 2.41 เปลี่ยนแปลง (basis point) 0 0 0 9 8 2 5 2