นายกวิน กลองกระโทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บมจ.ลอนดรี้ ยู [WASH] เปิดเผยว่า บริษัทจะเร่งเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนงานหลังจากระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มาช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินและศักยภาพการลงทุนของบริษัทฯ ยิ่งขึ้น เนื่องจากมั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันยังอยู่ในช่วงที่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว หรือ Growth Stage
แผนการดำเนินงานต่อจากนี้ จะขับเคลื่อนโมเดลธุรกิจ Owned Store Model มุ่งขยายสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง และทำให้ WASH ก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในเซ็กเมนต์นี้อย่างชัดเจน โดย ณ สิ้นเดือน มิ.ย.68 บริษัทฯ มีสาขาที่ลงทุนและบริหารเอง 469 สาขา คิดเป็นสัดส่วน 86% ของสาขาทั้งหมด
นายกวิน กล่าวว่า โมเดลธุรกิจดังกล่าวนอกจากสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ที่มั่นคง ยังเป็นรากฐานสำคัญที่ผลักดันผลประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดด นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างและควบคุมมาตรฐานการให้บริการที่เหมือนกันทุกสาขา สะท้อนผ่านฐานลูกค้าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ด้วยจำนวนบัญชีผู้ใช้งานในแอปพลิเคชัน WashXpress กว่า 1.57 ล้านบัญชี
WASH ตั้งเป้าขยายสาขาใหม่ Owned Store อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนเปิดอีกไม่น้อยกว่า 160 สาขา หรือไม่น้อยกว่าปีละ 80 สาขาในช่วงปี 69-70 เพื่อขยายฐานลูกค้าและรุกเข้าสู่จังหวัดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ จากปัจจุบันที่มีสาขาแล้วใน 21 จังหวัด ซึ่งจะเน้นขยายผ่านกลยุทธ์การขยายในลักษณะกลุ่ม (Cluster expansion) ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ในภาคเหนือและภาคใต้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการใช้ทรัพยากรสนับสนุนร่วมกัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมุ่งเพิ่มรายได้จากสาขาเดิม (Same-Store Sales Growth) ผ่านการเพิ่มบริการเสริมต่าง ๆ เช่น บริการซัก-อบ-พับ, รับรีด, เดลิเวอรี่ และบริการสำหรับลูกค้าองค์กร (B2B) ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการใช้บริการของเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าในช่วงเวลา Off-peak
"หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ บริษัทฯ มีแผนการเติบโตที่ชัดเจน และเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะถูกนำไปใช้เพื่อขยายสาขาและต่อยอดธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้น" นายกวิน กล่าวนอกจากนี้ ในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ WASH ยังได้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมและกลุ่มผู้ก่อตั้งได้พร้อมใจกันล็อกอัพหุ้นตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ (Silent Period) 55.00% และสมัครใจล็อกอัพ (Voluntary IPO Lock Up) เพิ่มอีก 14.74% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้อีกด้วย