เมื่อเวลา 10.45 น. CK บวก 4.20% เพิ่มขึ้น 0.60 บาท มาที่ 14.90 บาท มูลค่าการซื้อขาย 12.89 ล้านบาท จากราคาเปิด 14.40 บาท ราคาสูงสุด 14.90 บาท และราคาต่ำสุด 14.30 บาท
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) คาดกำไรไตรมาส 3/68 บมจ.ช.การช่าง [CK] ที่ 1,395 ล้านบาท เติบโต YoY และ QoQ ได้ดี จากเข้าช่วง high season ของเงินลงทุนใน BEM กับ CKP และมีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนในหลวงพระบางราว 700-800 ล้านบาท ขณะที่รายได้ก่อสร้างสูงขึ้นต่อเนื่องตามความคืบหน้าของงาน และมี GPM ก่อสร้างในระดับปกติที่ 7.3% ราคาพื้นฐาน 18.50 บาท คงคำแนะนำ "ซื้อ"
ด้าน บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ประเมินกำไรปกติของ CK ในไตรมาส 3/68 (ไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายหุ้นหลวงพระบาง พาวเวอร์) อยู่ที่ 890 ล้านบาท (-12% YoY, +3% QoQ) ใกล้เคียงกรอบที่ประเมินไว้เบื้องต้น ปัจจัยสำคัญ คือ รายได้โต +16% YoY, +2% QoQ จากงานใหญ่โดยรวม progress ดีต่อเนื่อง GPM เพิ่มขึ้น +90bps YoY และทรงตัวสูง QoQ เป็นไปตาม project mix ดีขึ้น ขณะที่ยังไม่มีผลกระทบต้นทุนค่าใช้จ่ายจากเหตุการณ์ถนนทรุด
ส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมชะลอ -31% YoY เนื่องจากในไตรมาส 3/67 โดย CKP และหลวงพระบาง พาวเวอร์ มีกำไร Fx และสูงขึ้น +25% QoQ อานิสงส์ high season ของ CKP
เราคงคาดการณ์กำไรสุทธิของ CK ในปี 68 ที่ 2 พันล้านบาท (+38% YoY) แต่มีโอกาสปรับขึ้นหลังประกาศงบไตรมาส 3/68 เพื่อสะท้อนกำไรพิเศษจากการขายหุ้น หลวงพระบาง พาวเวอร์ เบื้องต้นเราประเมินกำไรพิเศษ หลังหักภาษีที่ราว 600 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 4/68 แนวโน้มผลการดำเนินงานจะดีขึ้น YoY จากรายได้ก่อสร้างสูงขึ้น แต่จะอ่อนตัว QoQ เนื่องจากไม่มีรายได้เงินปันผลและ CKP ชะลอตามฤดูกาล
เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น CK ให้ราคาเป้าหมาย 23.50 บาท อิง SOTP แม้จะมีประเด็นเหตุการณ์ถนนในกทม.ทรุดและยังต้องติดตามผลกระทบ แต่ปัจจุบันการซ่อมแซมยังเป็นไปตามแผน และบริษัทเชื่อมั่นจะสามารถเคลมประกันได้ ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงค่อนข้างมากสะท้อนความกังวลไปแล้ว นอกจากนี้ ยังคาดการณ์กำไรปกติปี 68-69 จะขยายตัวต่อเนื่องตามการรับรู้ backlog และยังมี catalyst จากโครงการ Double Deck มูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีโอกาสได้ข้อสรุปปีนี้