มองมุมต่าง: เบื้องหลังหุ้น IPO ต่ำจอง เมื่อราคาไม่ได้ถูกตลาดกำหนด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 12, 2025 15:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

มองมุมต่าง: เบื้องหลังหุ้น IPO ต่ำจอง เมื่อราคาไม่ได้ถูกตลาดกำหนด

การหลงผิด คาดหวังจะ "รวยทางลัด" จากการจองหุ้นไอพีโอ(IPO) ของนักลงทุนรายย่อย เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย

1. ความเชื่อที่ว่า "โอกาสทองครั้งแรก"

คำว่าหุ้นไอพีโอ คือ การเริ่มต้นใหม่ที่ไม่มีใครติดดอย นักลงทุนรายย่อยมักรู้สึกว่าได้เข้าเป็นเจ้าของก่อนใคร เหมือนซื้อของก่อนดัง หุ้นจะขึ้นแน่เมื่อเข้าตลาด

ภาพจำจากดีลเด่นในอดีต อาทิ หุ้นบางตัวเปิดบวก 50100% วันแรก กลายเป็นตำนาน ทำให้คนทั่วไปจดจำแต่ "คนรวยเร็ว" , ความร่ำรวยที่ได้จากการจองหุ้นไอพีโอ

นอกจากนี้ ความรู้สึกพิเศษจากการจองหุ้นไอพีโอ ทำให้ความรู้สึกว่า "ได้สิทธิพิเศษ" เหมือนคนวงใน ทั้งที่จริงแล้วการกระจายหุ้นถูกขายออกไปให้คนอื่นๆ อีก ร่วมหมื่นคน

อีกทั้ง การกลัวตกรถ ยิ่งสื่อหรืออินฟลูเอนเซอร์พูดถึงมาก ยิ่งกลัวพลาดโอกาสที่อาจไม่มีอีกแล้ว

2.ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกลไกหุ้นไอพีโอ

การคิดว่าการผ่านคุณสมบัติตามเงื่อนไขการเป็นบริษัทจดทะเบียนของ สำนักงาน ก.ล.ต. จะเป็นการการันตีกำไร

แต่แท้จริงแล้ว สำนักงาน ก.ล.ต. เป็นหน่วยงาน ที่ตรวจเอกสารให้ถูกกฎหมาย หรือตามเงื่อนไขของการเป็นบริษัทจดทะเบียน ไม่ได้เป็นการการันตีว่าราคาขายไอพีโอจะ "เหมาะสม" หรือ "มีความปลอดภัย"

โดยมองไอพีโอ เหมือนล็อตเตอรี่พรีเมียม คิดว่าจองได้เท่ากับได้กำไรแน่นอน ทั้งที่ราคาเปิดอาจต่ำกว่าราคาจอง

รวมถึงไม่เข้าใจว่า "ราคาเสนอขาย"ถูกกำหนดจากฝั่งคนขาย ไม่ใช่ตลาดเสรี

โดยส่วนใหญ่ บริษัทและที่ปรึกษาทางการเงิน พยายามกำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอให้ได้มูลค่าระดมทุนสูงสุด แต่ไม่ใช่ราคาถูกที่สุด

3. บริบทตลาดและสื่อที่ "เร่งอารมณ์"

ข้อมูลข่าวสาร และสื่อทางการเงิน

มักเน้น "ยอดจองล้น", "กระแสแรง", "ชื่อเสียงเจ้าของ" สร้างภาพหุ้นฮอต

รวมถึง โบรกเกอร์บางรายมีผลประโยชน์ทางตรง เช่น ร่วมจัดจำหน่าย หรือได้ค่านายหน้า ทำให้สื่อสารแต่ด้านบวก

บรรยากาศในตลาดช่วงขาขึ้น ถ้าโดยรวมตลาดดี หุ้นใหม่มักเปิดบวก ทำให้ความคาดหวังมั่นคง และมีโอกาสทำกำไรสูง ทั้งที่ภาวะของตลาดหุ้น มักมีการเปลี่ยนแปลงที่เร็วเสมอ

*โครงสร้างเกี่ยวกับหุ้นไอพีโอที่ควรรู้

ความหมายของหุ้นไอพีโอ แปลให้เป็นภาษาชาวบ้านง่ายๆ คือ บริษัท "ขายหุ้นใหม่" ให้สาธารณะครั้งแรก เพื่อนำเงินไปขยายธุรกิจ ,ปรับโครงสร้างทุน

ราคาเสนอขายจะถูกกำหนดร่วมกันระหว่าง เจ้าของบริษัท-ที่ปรึกษา-ผู้จัดจำหน่าย ผ่านกระบวนการในรูปแบบต่างๆ โดยมีเป้าหมายในการขายหุ้นให้หมด

และจะ"ไม่การันตี" ว่าหลังเข้าซื้อขาย ราคาหุ้นจะสูงกว่าราคาไอพีโอ

สำหรับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กับ สำนักงาน ก.ล.ต. ในฐานะที่เป็น Regulators จะมีหน้าที่ตรวจความครบถ้วน ความถูกต้องของเอกสารให้ตรงตามเกณฑ์การเป็นบริษัทจดทะเบียน และไม่ได้เป็นการอนุมัติว่าราคาจองไอพีโอ จะมี "ความคุ้มค่าในราคาหุ้น"

นักลงทุน จะเป็นคนตัดสินใจกับราคาไอพีโอ การบริหารจัดการความเสี่ยง จากข้อมูลที่ออกมาโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงานก.ล.ต.

*ถ้าจองหุ้นไอพีโอแล้วขาดทุน จะโทษใครได้บ้าง?

หากดูจากโครสร้างที่เกี่ยวข้องกับหุ้นไอพีโอ จะพบว่า "การโทษ" หรือ "ความผิด" จะกระจายกันคนละนิด แต่ "อำนาจสุดท้าย" อยู่ที่นักลงทุน

เราสามารถแยก "พายแห่งความผิด" (Blame Pie) ในการมองหาสาเหตุของปัญหาที่เกิดความเสียหายจากหุ้นไอพีโอต่ำจอง อย่างมีสติและเป็นระบบ

1."โทษ" สภาพบรรยากาศของตลาด ทั้งในและต่างประเทศได้ ในสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 20-40%

โดยวิธีเลี่ยงได้ด้วยการเลือกจังหวะ และไม่เสี่ยงเข้าไปไล่ราคา

2. "โทษ"การตั้งราคา โดยเจ้าของบริษัท-อันเดอร์ไรเตอร์ ในสัดส่วนประมาณ 10-30%

โดยวิธีเลี่ยง คือ จะการไม่ซื้อหุ้นแพงกว่าพื้นฐานตามที่เราได้กำหนดไว้

3."โทษ" การให้ข้อมูล การโปรโมตเกินจริง ของสื่อต่างๆ หรือ เพจที่รับจ้างมาเชียร์ ในสัดส่วนประมาณ 0-20%

โดยใช้วิธีการตรวจสอบที่มา และ อ่านแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) จากเว็บไซต์ของ สำนักงานก.ล.ต. ด้วยตัวเอง

4."โทษ" วินัยของตัวเองว่าไม่มีการบริหารการจัดการที่ดี , แผนเทรด, อคติ, ไม่ทำการบ้าน, การใช้หูเล่นหุ้น ไม่ได้ใช้สมอง หรือ สติปัญญาในการศึกษาข้อมูล ฯลฯ สัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 30-50%

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนดังกล่าวไม่ได้ตายตัว แต่ช่วยเตือนว่า "ส่วนที่เราควบคุมได้" มักใหญ่สุดคือ ตัวของนักลงทุนเอง

*ทำไมไอพีโอ "ร่วง"หลังเข้าเทรด

ราคาไอพีโอตั้งสูงไป ได้อานิสงส์จากกระแส หรือมีสตอรี่ ทำให้ valuation ตึงตัว พอเข้าซื้อขายจริง ตลาดปรับกลับสู่พื้นฐาน

สภาพตลาดโดยรวมไม่เอื้อ ช่วงดอกเบี้ยสูง เสี่ยงเศรษฐกิจ ราคาทรัพย์สินถูก de-rate ทั้งกระดาน ทำให้ราคาหุ้นไอพีโอที่ตั้งไว้เต็มมูลค่า ไม่สามารถไปต่อได้อีก

แนวโน้ม "รายได้-กำไร "พีกก่อนเข้าตลาด โดยตัวเลข 1-2 ปีย้อนหลังก่อนเข้าตลาดถูก "แต่งให้สวย" ด้วยออเดอร์พิเศษ หรือ ต้นทุนที่ยังไม่เต็มรูป

แรงสนับสนุน หลังเข้าตลาดหมดเร็ว (เจ้าของกระสุนหมด) ช่วงแรกอาจมีการพยุงราคา แต่พอระยะเวลาผ่านไป ต้องเผชิญกับแรงอุปสงค์ที่เป็นของจริง

รวมถึง พฤติกรรมของนักลงทุน ที่ต้องการ จองเพราะกลัวตกรถ เมื่อหุ้นเปิดกระโดด ก็แย่งกันขาย และเมื่อเห็นแดง ยิ่งแย่งกันเทขาย

*วิธีเช็กลิสต์หุ้นไอพีโอ ก่อนเข้าลงทุน

1. พื้นฐาน รายได้-กำไร 8 ไตรมาสย้อนหลัง มีการเติบโตจริงหรือไม่ รวมถึง การมีอัตรากำไรที่ยั่งยืน

2. มูลค่าพื้นฐาน (Valuation)เทียบค่า P/E, EV/EBITDA กับคู่แข่งที่จดทะเบียนแล้ว ว่าแพงเกินเหตุหรือไม่?

3. เงินระดมทุนเอาไปทำอะไร ขยายกิจการจริง หรือเอาไปไถ่หนี้ หรือ แม้แต่ การนำไปซื้อสินทรัพย์จากบุคคลที่เกี่ยวข้อง

4. โครงสร้างผู้ถือหุ้น ใครเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มี Lock up หรือไม่ ปลดล็อกเมื่อไร?

5. ความเสี่ยงหลักทางด้านธุรกิจ ลูกค้ากระจุก? มีใบอนุญาต หรือสัญญาสัมปทานรัฐ

ท้ายสุด การตัดสินใจจองหุ้นไอพีโอ คือ "ตัวเราเอง" หน้าที่ของเจ้าของ-อันเดอร์ไรเตอร์-หน่วยงานกำกับ ไม่ใช่ตัวการันตีการมีกำไรจากหุ้นไอพีโอ

การประเมินศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ประเมินความเสี่ยง การประเมินราคาต่างหากคือ หนทางที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนหุ้นไอพีโอ

ธิติ ภัทรยลรดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ