บิทาซซ่า โดดร่วมวง Tourist DigiPay ให้นักท่องเที่ยวใช้คริปโทแลกบาทคาดมูลค่าตลาดเริ่มต้น 6.6 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 13, 2025 13:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บิทาซซ่า โดดร่วมวง Tourist DigiPay ให้นักท่องเที่ยวใช้คริปโทแลกบาทคาดมูลค่าตลาดเริ่มต้น 6.6 หมื่นลบ.

นายธนวัต สุตันติวรคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทาซซ่า จำกัด เปิดเผยความคืบหน้าของการเข้าร่วม "Tourist DigiPay" ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง (Sandbox) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะพลิกโฉมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถแปลงสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีเป็นเงินบาท และใช้จ่ายผ่านระบบ e-Wallet ได้ทันที

Tourist DigiPay ถูกออกแบบมาเพื่อ "นักท่องเที่ยวต่างชาติ" โดยเฉพาะ เพื่ออำนวยความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยในไทย โดยมีกลไกที่โปร่งใสและอยู่ภายใต้การกำกับดูแล

แปลงคริปโทฯ เป็นบาททันที: นักท่องเที่ยวโอนคริปโทฯ (รับรองเฉพาะเหรียญที่ลิสต์บนบิทาซซ่า เช่น USDT, BTC, ETH) เข้าสู่แพลตฟอร์ม ระบบจะแปลงเป็นเงินบาทและเติมเข้ากระเป๋า e-Wallet/e-Money ของพันธมิตรที่ได้รับใบอนุญาตของ ธปท.

ใช้จ่ายผ่านโครงข่ายเดิม: การชำระเงินทำผ่าน QR Code หรือโครงข่ายของ e-Money เดิม ทำให้ร้านค้าได้รับเงินเป็นบาทตามปกติ

โปร่งใสเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียม: ก่อนยืนยันการแปลงจะแสดงอัตราแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียมชัดเจน

คุมเข้มความเสี่ยง: มีการใช้มาตรการป้องกันการฟอกเงินแบบหลายชั้น ทั้งการทำ KYC (Know Your Customer) ตามมาตรฐาน ปปง. และการติดตามธุรกรรมด้วย KYT (Know Your Transaction) รวมถึงมีการกำหนดเพดานการใช้จ่ายรายเดือน ทั้งฝั่งนักท่องเที่ยวและร้านค้าในช่วงแซนด์บ็อกซ์ 18 เดือน

โครงการนี้เปิดให้เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในไทย แต่ไม่เปิดให้คนไทยหรือแรงงานต่างชาติที่เปิดสามารถบัญชีเงินบาทได้อยู่แล้ว เพื่อให้ตรงวัตถุประสงค์ "ท่องเที่ยว-จับจ่ายในไทย"

นายธนวัต ระบุว่า โครงการนี้ตั้งเป้ายอดใช้งาน 5% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เข้ามาใช้จ่ายในไทย ประเมินเบื้องต้นคิดเป็นมูลค่าราว 66,000 ล้านบาท คาดเป็นจุดเริ่มต้นของตลาดชำระเงินด้วยคริปโทฯ ผ่านช่องทางที่ถูกกฎหมายและได้รับการกำกับดูแล

ทั้งนี้ บิทาซซ่าจะเปิดแอปพลิเคชั่นใหม่เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการ e-Money หรือ e-Wallet ซึ่งโครงสร้างเชื่อมต่อแอปฯ และระบบหลังบ้านต้องพัฒนาใหม่ทั้งหมด เพราะไม่เคยมีการเชื่อมต่อรูปแบบนี้มาก่อน

"6 ปีที่ผ่านมาเราสร้างระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยอย่างต่อเนื่อง และปีนี้เราพร้อมจะก้าวไปอีกระดับด้วยเทคโนโลยีที่จับต้องได้จริงในชีวิตประจำวัน ทั้งเพื่อคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลก เรามั่นใจว่าการเปิดตัวโปรเจ็กต์ใหญ่ครั้งนี้จะช่วยผลักดันประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งภูมิภาค และสร้างโอกาสใหม่ให้ผู้ประกอบการ"นายธนวัต กล่าว

สำหรับการก้าวสูปีที่ 7 ของบิทาซซ่า จะเดินหน้าผลักดันทั้งจำนวนบัญชีรายย่อยและรายใหญ่ควบคู่กัน โดยเน้นสภาพคล่องหนา-ราคาดี เพื่อดึงผู้ใช้กลับเข้าตลาด ซึ่งโครงสร้างผู้ใช้งานของบิทาซซ่าปัจจุบัน รายย่อยคิดเป็น 95% ของจำนวนบัญชีที่เปิดใช้บริการ ในส่วนของ 5% จะเป็นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่

บิทาซซ่า ยังได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ B2C2 เสริมสภาพคล่องระดับสถาบันในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างยั่งยืนซึ่งถือเป็นอีกก้าวสำคัญของบริษัทในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล และขยายการเข้าถึงบริการในระดับสถาบันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ปัจจุบัน บิทาซซ่าให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลกว่า 120 คู่เหรียญ (THB-denominated pairs) ภายใต้กระบวนการคัดกรองและตรวจสอบสินทรัพย์ที่สอดคล้องกับมาตรฐานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และมียอดการซื้อขายสะสมมากกว่า 535,000 ล้านบาท พร้อมมียอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชันกว่า 4.5 ล้านครั้ง สะท้อนถึงการมีส่วนร่วมอย่างแข็งแกร่งจากนักลงทุนรายย่อย ลูกค้าระดับสูง (High Net Worth) และนักลงทุนสถาบัน

B2C2 ได้ร่วมงานกับบิทาซซ่ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมื่อหกปีก่อน และภายใต้ความร่วมมือนี้ B2C2 จะเป็นผู้ให้บริการสภาพคล่องหลักแก่ BitazzaThailand พร้อมร่วมดำเนินโครงการพัฒนาธุรกิจและการเติบโตในหลายด้าน โดยความร่วมมือนี้จะช่วยให้ Bitazza Thailand สามารถขยายบริการในตลาดสถาบันได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นผ่านบริการสภาพคล่องระดับโฮลเซล การจัดการด้านเครดิตและการสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและโครงการในอนาคต

ทั้งนี้ B2C2 ก่อตั้งขึ้นในปี 58 และมี SBI Holdings เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นที่ยอมรับในระดับโลกในฐานะผู้บุกเบิกตลาดสภาพคล่องและการเทรด OTC สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลระดับสถาบัน ให้บริการสภาพคล่องตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันรวมถึงบริการโซลูชันทางการเงินสำหรับลูกค้าสถาบัน อาทิ ธนาคารบริษัทหลักทรัพย์ และผู้ออกโทเคนสเตเบิลคอยน์ เป็นต้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ