นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น [SSP] เปิดเผยว่า ไตรมาส 4/68 คาดว่าจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปี โดยได้รับปัจจัยบวกจากช่วงไฮซีซั่นโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่คาดว่าจะมีค่าแรงลมดีที่สุด เหมาะสมต่อการผลิตไฟฟ้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม LEO 2 ในประเทศญี่ปุ่นได้ทันที ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 68 มีแนวโน้มอยู่ในระดับที่ดี แม้ว่าในระหว่างปีจะมีหลายปัจจัยกดดันก็ตาม
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/68 มีรายได้จากการขายไฟฟ้าและบริการ 742.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.0% เทียบกับไตรมาส 2/68 และลดลง 12.3%YoY และมีกำไรหลักจากการดำเนินงานอยู่ที่ 119.2 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนในไตรมาส 2/68
ปัจจัยที่สนับสนุนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/68 ได้แก่ การเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น, โรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไทย และประเทศเวียดนาม มีค่าความเร็วลมสูงกว่าไตรมาสก่อน และการกลับมาเปิดดำเนินการตามปกติของโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนาม หลังจากการปิดปรับปรุงในไตรมาส 1/68 และบางช่วงในไตรมาส 2/68 ตลอดจนการเริ่มการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต (Repowering) ของโครงการ SPN และจากการเปิดดำเนินการตามปกติของโรงไฟฟ้าชีวมวลหลังจากปิดซ่อมบำรุงในไตรมาสก่อน รวมไปถึงการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการใหม่ของโซลาร์รูฟท็อปในประเทศไทย 4 โครงการ
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในงวด 9 เดือนปี 68 รายได้จากการขายไฟฟ้าและบริการ 2,269.4 ล้านบาท ลดลง 8.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีกำไรหลักจากการดำเนินงานอยู่ที่ 382.2 ล้านบาท ลดลง 27% YoY โดยมีรายได้จากการขายไฟฟ้า 2,206.1 ล้านบาท ลดลง 200.1 ล้านบาท หรือ 8.3% เทียบกับปีก่อน
แม้ว่าจะสามารถรับรู้รายได้ 100% ของโครงการร่มเกล้าวินฟาร์มตลอดช่วงระยะเวลา 9 เดือนในปีนี้ ภายหลังจากการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท วินชัย จำกัด เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2567 แต่เนื่องจากปัจจัยกดดัน ได้แก่
1.) โครงการ SPN สิ้นสุดการได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐ (Adder) ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568
2.) จากปริมาณจำหน่ายไฟฟ้าที่ลดลงของโครงการ SPN เนื่องจากอยู่ระหว่างการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต (Repowering)
3.) ผลกระทบจากการหยุดผลิตบางช่วงเพื่อเปลี่ยนสายส่งกระแสไฟฟ้าใต้ทะเล โครงการ TTTV ในช่วงครึ่งปีแรก
4.) การแข็งค่าขึ้นของเงินบาท
5.) ผลกระทบจากค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ที่ลดลง
ด้านรายได้จากบริการ 63.2 ล้านบาท ลดลง 15.5 ล้านบาท หรือ 19.6% สาเหตุหลักจากรายได้การให้บริการโครงการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป (EPC) ที่ลดลง
ล่าสุด บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ครั้งที่ 3/2568 อายุหุ้นกู้ 2 ปี 4 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ราว 4.30-4.50% ต่อปี สำหรับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 20 21 และ 24 พฤศจิกายน 2568 โดยมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จากผู้ลงทุนที่มองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจผันผวน ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ "BBB" แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" จาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด
"SSP กำลังก้าวเข้าสู่โหมดการเติบโตครั้งใหม่ ด้วยการขยายการลงทุนและพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้านผลงานในช่วงที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จในการเข้าประมูลโครงการใหม่ตุนเข้าพอร์ตได้อีกกว่า 400 เมกะวัตต์ ซึ่งช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับ pipeline ของเราได้เป็นอย่างดี ปัจจุบัน เรายังคงมุ่งมั่นหาโอกาสในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการบริหารจัดเตรียมเงินลงทุน เพื่อเสริมทับการเติบโตของเราอย่างมั่นคง" นายวรุตม์ กล่าวในที่สุด
ปัจจุบัน SSP มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมกว่า 365 เมกะวัตต์ และจะทยอย COD โครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในทุกปี โดยมีแผนพัฒนามากกว่า 10 โครงการ รวมกำลังการผลิตกว่า 400 เมกะวัตต์ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการเติบโตที่ระดับ 790 เมกะวัตต์ ในปี 73