CPF งบ 9 เดือนกำไรโต 57% แม้ Q3/68 รับผลกระทบส่วนแบ่งกำไรลดลง-ขาดทุนมูลค่ายุติธรรมสุกร

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 13, 2025 18:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

CPF งบ 9 เดือนกำไรโต 57% แม้ Q3/68 รับผลกระทบส่วนแบ่งกำไรลดลง-ขาดทุนมูลค่ายุติธรรมสุกร

บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร [CPF] หรือ ซีพีเอฟ รายงานกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 2568 อยู่ที่ 24,112 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรส่วนใหญ่มาจากกิจการในต่างประเทศ ซึ่งมียอดขาย 2 ใน 3 ของยอดขายรวม ขณะที่ไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิลดลง 29% รับผลขาดทุนมูลค่ายุติธรรมหมูในไทยและเวียดนาม และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ปัจจุบันยอดขายของบริษัทมาจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนยอดขายจากกิจการในต่างประเทศประมาณ 62% และมีการส่งออกไปต่างประเทศอีก 5% นับรวมราว 2 ใน 3 ของยอดขายที่มาจากต่างประเทศที่บริษัทมีการลงทุนและร่วมลงทุนรวม 16 ประเทศ มีการค้าระหว่างประเทศที่จำหน่ายในร้านค้าปลีกค้าส่งชั้นนำในอีกมากกว่า 50 ประเทศ

ทั้งนี้ ยอดขาย 9 เดือนแรกปี อยู่ที่ 430,335 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมผลจากการแปลงค่าของงบการเงินของกิจการต่างประเทศจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น บริษัทจะมียอดขายเติบโตประมาณ 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 57% จากการบริหารด้านประสิทธิภาพการดำเนินการตลอดห่วงโซ่อุปทาน และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิผล รวมถึง ต้นทุนที่ลดลงจากราคากากถั่วเหลืองในหลายประเทศทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา

นายประสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่มีปัจจัยหลากหลายประการกระทบการดำเนินงาน ทั้งเรื่องโรคระบาดในการเลี้ยงสัตว์ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ มาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา กำลังซื้อที่ยังไม่ดีขึ้นในหลายประเทศ บริษัทฯจึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ระมัดระวังการลงทุน พยายามปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 บริษัทมีรายได้จากการขาย 138,565 ล้านบาท หากไม่นับรวมผลกระทบจากการแปลงค่าเงิน รายได้จากการขายจะเพิ่มขึ้น 2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรขั้นต้น 16.5% ดีขึ้นจากปีก่อนที่ 15.4% จากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และราคากากถั่วเหลืองโลกที่ลดลง

อย่างไรก็ตาม ด้วยมาตรฐานการบันทึกบัญชีเรื่องการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ของสุกรในประเทศเวียดนามและประเทศไทย มีผลขาดทุนที่ 1,115 ล้านบาท และส่วนได้ในกำไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้าจำนวน 2,463 ล้านบาท ลดลง 33% ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 5,186 ล้านบาท ลดลง 29% จากปีก่อน

นายประสิทธิ์ ยังได้กล่าวถึง แนวโน้มของธุรกิจว่าด้วยสถานการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต รวมถึงสถานการณ์โลกร้อนที่เห็นผลกระทบชัดเจน ณ ปัจจุบัน บริษัทจึงให้ความสำคัญเรื่องการบริหารความเสี่ยง การสร้างความสามารถในการแข่งขันในทุกประเทศ พร้อมต่อยอดการลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพเติบโตสูง เช่น ฟิลิปปินส์และเวียดนาม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ