บมจ.การบินไทย [THAI] รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/68 กำไรสุทธิ 4,413 ล้านบาท ลดลง 64.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12,479 ล้านบาท เนื่องจากรายได้รวมลดลง 3.1% มาที่ 44,398 ล้านบาท (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) สาเหตุหลักรายได้จากการขนส่งผู้โดยสารลดลง 3.8% รายได้จากค่าระวางขนส่งและไปรษณีย์ลดลง 5.9% และผลกระทบจากการแข็งค่าเงินบาท
แต่ค่าใช้จ่ายรวมก็ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.2% หลัก ๆ มาจากค่าน้ำมันเครื่องยินที่ลดลงตามราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ปรับลดลง และค่าใข้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าน้ำมันลดลงจากปีก่อน ส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนการเงิน (ไม่รวมรายการเกิดขึ้นครั้งเดียว) เท่ากับ 8,557 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ดี ไตรมาสนี้บริษัทมีต้นทุนการเงิน 3,137 ล้านบาท ลดลง 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียวสุทธิเป็นค่าใช้จ่าย 993 ล้านบาท จากผลขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ 509 ล้านบาท ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสุทธิ 379 ล้านบาท ผลขาดทุนการวัดมูลค่าจากตราสารอนุพันธ์ 82 ล้านบาท และผลขาดทุนจากการด้อยค่าซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน TFRS 9 ที่ 32 ล้านบาท
ขณะที่กำไรก่อนหักภาษีดอกเบี้ยค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มีจำนวน 12,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
แม้ไตรมาสนี้รายได้รวมจะปรับตัวลดลง แต่บริษัทสามารถบริหารต้นทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าน้ำมันเครื่องบินต่อหน่วยประมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (CASK) ลดลงจาก 1.464 บาทในไตรมาสเดียวกันของก่อนเป็น 1.377 บาท ส่งผลให้ EBITDA ปรับเพิ่มขึ้น
สำหรับงวด 9 เดือนปี 68 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 26,369 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.5% จากปีก่อน และ EBITDA จำนวน 43,295 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนต้นทุนทางการเงิน (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) จำนวน 33,146 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37% จากงวดเดียวกันของปีก่อน 8,953 ล้านบาท รายได้รวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) จำนวน 140,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% จากงวดเดียวกันของ
สาเหตุหลักเกิดจากรายได้จากกิจการขนส่งเพิ่มขึ้น 3,693 ล้านบาท (+3.0%) โดยมีรายได้จากค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกินเพิ่มขึ้น 3.0% จากปริมาณการขนส่งผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 13.2% ถึงแม้รายได้จากผู้โดยสารเฉลี่ยต่อหน่วย (รวมค่าธรรมเนียมชดเชยค่าน้ำมันและค่าเบี้ยประกันภัยไม่รวมค่าน้ำหนักส่วนเกิน) ต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 9.3% รายได้จากค่าระวางขนส่งและไปรษณียภัณฑ์เพิ่มขึ้น 2.9% จากปริมาณการขนส่งพัสดุภัณฑ์ (RFTK) ที่เพิ่มขึ้น 11.8% ตามปริมาณการส่งออกสินค้าที่เพิ่มขึ้น แม้ว่ารายได้พัสดุภัณฑ์เฉลี่ยต่อหน่วย (รวมค่าธรรมเนียมชดเชยค่าน้ำมันและค่าเบี้ยประกันภัย ไม่รวมค่าไปรษณียภัณฑ์) ต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 7.6%
ค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) 107,704 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 3,867 ล้านบาท (-3.5%)โดยมีสาเหตุหลักเกิดจากค่าน้ำมันเครื่องบินที่ลดลง 4,731 ล้านบาท (-11.8%) เป็นผลมาจากราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ปรับลดลงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 11.3% และอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐเฉลี่ยที่แข็งค่าจาก 35.73 บาท/ดอลลาร์ในงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 33.12 บาท/ดอลลาร์ หรือคิดเป็น 7.3%