นางสาวภัทรวัลล์ สุกปลั่ง ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า [CPAXT] กล่าวว่า แนวโน้มของผลการดำเนินงานไตรมาส 4/68 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 3/68 โดยเฉพาะยอดขายคาดว่าจะเห็นการเติบโตขึ้น จากการสั่งซื้อของลูกค้ากลุ่ม Wholesale ที่ส่วนใหญ่เป็นร้านโชห่วยที่มีการกลับมาสั่งซื้อสินค้ามากขึ้นจากช่วงก่อนหน้านี้ได้ชะลอไป ปัจจัยหนุนจากโครงการคนละครึ่ง พลัส ทำให้กลุ่มลูกค้าร้านโชห่วยต้องกลับมา Restock สินค้าเพื่อรองรับลูกค้าทีจะเข้ามาใช้จ่าย ทำให้ภาพของไตรมาสสุดท้ายปีนี้มีทิศทางที่ดีขึ้น
ขณะที่บริษัทมองว่ากลุ่มสินค้าจำเป็นจะยังเห็นการจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร แต่กลุ่ม Non-Food หรือสินค้าไม่จำเป็นยังเห็นการชะลอตัว ซึ่งบริษัทมีการปรับสัดส่วนมาเน้นการขายสินค้าในกลุ่มอาหารเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่ม Ready eat, Ready to cook และ Ready to bake มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้า
พร้อมกันนั้น บริษัทยังเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มราว 30 แห่งในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ ครอบคลุม Makro 2 สาขา คือ สาขาขอนแก่น และเมียนมา สาขาที่ 2, Lotuss Large Format 2 สาขา คือ สาขาเชียงใหม่ และศรีราชา และ Lotuss go fresh อีก 26 สาขา พร้อมพื้นที่เช่าใหม่รวม 18,000 ตารางเมตร
CPAXT ประเมินว่ายอดขายทั้งปี 68 ยังเติบโตในระดับ Low single digit แต่กำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 10-20% เป็นผลจากการบริหารจัดการควบคุมต้นทุน และบริหารจัดการซัพพลายเชนในกลุ่มให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทยังมองไปถึงการสร้างรายได้จากพื้นที่ในสาขา Makro ให้สร้างรายได้ค่าเช่ามากขึ้น เพราะ Makro มีสาขาทั้งหมด 160 สาขา ล้วนแล้วแต่มีศักยภาพในการนำมาปรับปรุงเป็นพื้นที่เช่า และสร้างรายได้จากการให้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์เข้ามาเสริมได้
ส่วนแผนกลยุทธ์ในปี 69 ยังเน้นสร้างกำไรระยะยาว โดยเน้นไปที่การนำเสนอกลุ่มอาหารที่มี Value Added และยังขยายสาขาต่อเนื่อง โดยเฉพาะสาขาขนาดใหญ่ที่ปกติเปิดเพิ่มเฉลี่ย 6-8 สาขา/ปี ซึ่งปี 68 เปิดสาขาใหม่ทั้งหมด 8 สาขา แต่ปี 69 จะเน้นไปที่สาขาขนาดเล็กในทำเลศักยภาพ ควบคู่กับปรับปรุงพื้นที่สาขาเดิมให้สอดคล้องกับเทรนด์ของลูกค้ายุคใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า Gen Z ทำให้สาขา Makro และ Lotus's สามารถดึงดูกลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าและสร้างยอดขายได้มากขึ้น