นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ บมจ.การบินไทย [THAI] เปิดเผยว่า หลังจากการประชุมบอร์ดในวันที่ 23 ต.ค.ฝ่ายบริหาร THAI ได้เสนอขออนุมัติการเช่าเครื่องบิน 9 ลำ มูลค่าประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท แต่ที่ประชุมได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาไปศึกษาถึงความจำเป็นการเพิ่มเครื่องบินเช่า โดยให้เวลา 5 สัปดาห์ก่อนจะนำเสนอให้คณะกรรมการนำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THAI กล่าวว่า การบินไทยจะเช่าเครื่องบิน 9 ลำมาได้หรือไม่ได้ขึ้นกับผลศึกษาความจำเป็น คาดว่าจะได้ข้อสรุปปลายเดือน พ.ย.นี้
ที่ผ่านมาบริษัทพยายามจัดหาเครื่องบินเช่า 9 ลำ ซึ่งเป็นเครื่องบินลำตัวกว้าง รุ่นโบอิ้ง777-300ER และ โบอิ้ง 787 แต่ก็โดนสายการบินอื่นแย่งไปแล้ว ฝ่ายบริหารพยายามจะเสาะหาเครื่องบินเช้ามาเพื่อชดเชยกำลังการผลิตที่จะหายไปจากแผน ในขณะที่จำนวนเครื่องบินมือสองไม่ได้มีมากนัก
"เราไม่ได้ดึงดันเอาเครื่องบินเข้ามาโดยไม่มีความจำเป็น แต่เป็นไปตามแผน" นายชาย กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร THAI ระบุว่า หากไม่สามารถหาเครื่องบินเช่าลำตัวกว้าง 9 ลำได้ อาจทำให้รายได้ของการบินไทยไม่เป็นไปตามแผนงาน ซึ่งจะส่งผลกระทบในช่วง 5 ปีตั้งแต่ปี 69-73 เพราะ capacity หายไปกว่า 10% ต้องรอเครื่องบินใหม่ที่จะเข้ามาในปี 73
ปัจจุบัน การบินไทยใช้เครื่องบิน 13.8 ชม./วัน/ลำ แต่หากนับเฉพาะเครื่องบินลำตัวกว้างการใช้เครื่องบินสูงกว่า 14-15 ชม./วัน/ลำ
นายชาย กล่าวว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาการบินไทยได้พิสูจน์การเป็น Network Airline แล้วว่าทำให้รายได้ดีขึ้น Cabin Factor ดีขึ้น ต้นทุนแข่งขันได้ และใช้เครื่องบินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่หากที่ปรึกษาศึกษาบอกให้ทำเป็น Point to Point แทน คงต้องมาดูข้อแนะนำและเหตุผลที่ต้องเปลี่ยน
ทั้งนี้ สิ้นปี 68 การบินไทยมีเครื่องบินทั้งหมด 80 ลำ โดยเครื่องบินที่ใช้ในการดำเนินงาน 78 ลำ
ในปี 69 จะมีเครื่องบินเพิ่มเป็น 93 ลำ เป็นเครื่องบินใช้งาน 91 ลำ โดยการบินไทยจะรับมอบเครื่องบินแอร์บัส A321 Neo จำนวน 15 ลำ โบอิ้ง B789 เป็นเครื่องบินเช่าอีก 4 ลำ แต่คืนเครื่องบินเช่า 4 ลำ คือ เครื่องบินโบอิ้ง 787-8 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินแอร์บัส เอ 350 จำนวน 2 ลำ รวมทั้งปลดระวางเครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER ออก 2 ลำ