นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ [BPP] เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/68 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,161 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% และมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) รวม 2,611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง (SLG) และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (CHP) ในจีน ที่บริหารต้นทุนถ่านหินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่โรงไฟฟ้า HPC ในสปป. ลาว และโรงไฟฟ้า BLCP ในไทย เดินเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพในไตรมาสที่ผ่านมา และสามารถรักษาค่าความพร้อมจ่ายไฟ (EAF) ในระดับสูงที่ร้อยละ 92 และ 99 ตามลำดับ
ทั้งนี้ การลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์พร้อมระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Solar Farm with Battery Energy Storage System: BESS) ในโครงการจินหู เฉียนเฟิง (Jinhu Qianfeng) ที่จีน กำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ พร้อมระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ กำลังไฟฟ้า 10 เมกะวัตต์ ความจุพลังงาน 20 เมกะวัตต์ชั่วโมง คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 2569 ขณะเดียวกัน ธุรกิจซื้อขายพลังงาน (Energy Trading) ในญี่ปุ่น ระหว่างเดือนมกราคมถึงกันยายน 2568 สามารถจำหน่ายไฟฟ้าเป็นจำนวนรวม 5,325 กิกะวัตต์ชั่วโมง ให้บริการลูกค้ารวม 1,875 ราย พร้อมนำระบบ AI มาช่วยคาดการณ์ราคาซื้อขายไฟฟ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไร
แม้ปัจจุบัน BPP มีผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งจากสินทรัพย์คุณภาพทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แต่มูลค่าหุ้นยังไม่สะท้อนศักยภาพการเติบโตที่แท้จริงของบริษัทฯ ด้วยวิสัยทัศน์ในการเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินและเสริมศักยภาพในการขยายธุรกิจ บริษัทจึงมีแผนควบบริษัทกับบมจ.บ้านปู [BANPU] และจัดตั้ง "บริษัทใหม่" หรือ NewCo และจำหน่ายสิทธิการลงทุน (Membership Interests) ร้อยละ 25 ในกิจการร่วมค้า BKV-BPP Power LLC (BKV-BPP) เพื่อยกระดับบทบาทจากผู้ผลิตไฟฟ้าระดับภูมิภาค สู่ผู้นำด้าน Utility-scale Power and Integrated Businesses ภายใต้ Power+ (ไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง) และเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจหลักของกลุ่มบ้านปู รองรับความต้องการพลังงานไฟฟ้าโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าของความต้องการพลังงานรวมในช่วงปี 2568-2569[1] จากแรงขับเคลื่อนของภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล โดยในไตรมาส 3/68 BPP ยังคงสร้างผลกำไรแข็งแกร่งจากโรงไฟฟ้าในจีน ตอกย้ำความสามารถในการดำเนินธุรกิจพลังงานไฟฟ้าที่มั่นคงและพร้อมเติบโตในอนาคต
การควบรวมครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญของ BPP สู่ Power+ กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าเต็มรูปแบบที่รวมสินทรัพย์โรงไฟฟ้าพลังงานพื้นฐาน (Base Load Power Plant) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและสหรัฐฯ ครอบคลุมโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน (Thermal Power Plant) และธุรกิจบางส่วนของ Banpu NEXT ได้แก่ ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (Renewables) ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) และการซื้อขายไฟฟ้า (Energy Trading) เพื่อดำเนินธุรกิจในห่วงโซ่คุณค่าพลังงานอย่างครบวงจร การปรับพอร์ตครั้งนี้จะเพิ่มความคล่องตัวทางการเงินและประสิทธิภาพการบริหารเงินทุน (Capital Efficiency) ลดค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน และเปิดโอกาสการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ในอนาคต"
นอกจากนี้ การขายสิทธิการลงทุนร้อยละ 25 ใน BKV-BPP ให้แก่บริษัท BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบ้านปูที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) จะช่วยสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ในตลาดสหรัฐฯ เสริมความแข็งแกร่งทางการเงินของ BPP ปลดล็อกเงินทุน และเปิดทางสู่โอกาสการลงทุนใหม่ ๆ รองรับการเติบโตในระยะยาว ทั้งนี้ BPP จะยังคงถือหุ้นร้อยละ 25 ในกิจการร่วมค้าดังกล่าว เพื่อรักษาตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ในตลาดสหรัฐฯ
ในการควบรวมครั้งนี้ จะมีการจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราส่วนการแลกหุ้น (Swap Ratio) เบื้องต้นที่ 1 หุ้น BPP ต่อ 0.74615 หุ้นของบริษัทใหม่ นอกจากนี้ บ้านปูจะเป็นผู้ทำข้อเสนอรับซื้อหุ้น BPP เป็นการทั่วไป (General Offer) จากผู้ถือหุ้นรายอื่นในสัดส่วนสูงสุด 21.34% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ในราคาเสนอซื้อที่หุ้นละ 13.00 บาท ระหว่างวันที่ 1-23 ธันวาคม 2568 โดยบ้านปูจะชี้แจงรายละเอียดของกระบวนการและขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม General Offer ให้ผู้ถือหุ้นทราบต่อไป ทั้งนี้ การควบบริษัทและการขายสิทธิการลงทุนใน BKV-BPP จะถูกเสนอในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) ของ BPP ครั้งที่ 1/2569 วันที่ 29 มกราคม 2569 ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) เพื่อให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติต่อไป
"แผนกลยุทธ์ครั้งนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของ BPP ในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค ควบคู่การรักษาความแข็งแกร่งของสินทรัพย์หลักในสหรัฐฯ และจีน พร้อมขยายพอร์ตการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีพลังงาน เพื่อสอดรับกับกลยุทธ์การเติบโตของกลุ่มธุรกิจบ้านปู และสร้างการเติบโตระยะยาวสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต" นายอิศรา กล่าว