นางสาวปัณฑารีย์ นันทนาคม ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations General Manager) บมจ.ซีพี ออลล์ [CPALL] กล่าวว่า แม้ว่าการกระตุ้นการบริโภคในประเทศผ่านโครงการ "คนละครึ่งพลัส" จะไม่ได้ทำให้บริษัทได้รับอานิสงส์บวกโดยตรง แต่เป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจในภาพรวมและสร้างความมั่นใจของคนในประเทศ ซึ่งร้านสะดวกซื้อของ CPALL ได้รับผลบวกทางอ้อมจากการที่การจับจ่ายใช้สอยมีความคึกคักมากขึ้น
เบื้องต้นบริษัทคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/68 โดยเฉพาะยอดขายอาจจะยังทรงตัวจากไตรมาส 3/68 แม้ว่าส่วนหนึ่งจะมีผลดีจากแคมแปญโปรโมชั่นสะสมสแตมป์เซเว่นช่วยกระตุ้นยอดขายอยู่ แต่ยังต้องติดตามทิศทางของนักท่องเที่ยวช่วงเดือนครึ่งที่เหลือของปีนี้จะมีแนวโน้มจำนวนเพิ่มขึ้นมามากน้อยเพียงใด หากมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นก็จะเป็นปัจจัยหนุนต่อผลงานให้ดีขึ้นจากไตรมาส 3/68
ขณะที่ในไตรมาส 4/68 จะมีการขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 181 สาขา หลังจากปิดไตรมาส 3/68 ขยายสาขาใหม่ไปแล้ว 519 สาขา ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 3/68 CPALL มีสาขาร้าน 7-Eleven รวมทั้งหมดเกือบ 16,000 สาขา
ในปี 69 บริษัทยังเดินหน้าในการขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 700 สาขา เฉพาะในประเทศ ซึ่งวางงบลงทุนไว้ราว 1.3-1.4 หมื่นล้านบาทเพื่อเปิดสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม คิดเป็นโดยสัดส่วน 50% ของงบลงทุนที่วางไว้ทั้งหมด และอีก 50% จะรองรับการลงทุนด้านคลังสินค้าและระบบไอที ส่วนสาขาในสปป.ลาว ที่มีอยู่ 20 สาขาในปัจจุบันยังอยู่ระหว่างพิจารณาแผนการขยายสาขาเพิ่มเติม รวมถึงสาขาในกัมพูชาที่มี 125 สาขาในปัจจุบันบริษัทก็ยังอยู่ระหว่างติดตามผลกระทบจากสถานการณ์ความตึงเครียดแนวชายแดนก่อน
แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 69 เป้าหมายการเติบโตของ CPALL ยังคงสอดคล้องกับประมาณการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย (GDP) ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่หากมีปัจจัยที่สนับสนุนต่อภาคการบริโภค และทำให้ทิศทางการบริโภคในประเทศฟื้นตัวและเป็นบวกได้ชัดเจน ก็จะมีการเพิ่มประมาณการณ์ในส่วนนี้เข้าไปในเป้าหมายการเติบโตของบริษัทด้วยเช่นกัน ซึ่งการเติบโตของ CPALL จะสอดคล้องไปกับการเติบโตของเศรษฐกิจไทย