นายก้องกิต โกกนุทาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ [TEBP] เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 90 ล้านหุ้น โดยแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 75 ล้านหุ้น และหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม TEGH จำนวน 15 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท คิดเป็น 30% ของจำนวนหุ้นภายหลังการ IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในต้นปี 69
TEBP ประกอบ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายก๊าซชีวภาพ สัดส่วนรายได้ 55% ของรายได้รวม ณ วันที่ 30 มิ.ย.68 มีปริมาณก๊าซชีวภาพที่ผลิตได้สูงสุด 29,620,800 ลบ.ม./ปี, ธุรกิจรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ สัดส่วนรายได้ 33% ปัจจุบันมีปริมาณกากอินทรีย์สูงสุดที่รับกำจัดได้ 548,460 ตัน/ปี และ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ สัดส่วนรายได่ 11% ปริมาณการผลิตไฟฟ้าสูงสุด 57,816,000 kW ต่อปี
ภาพรวมอุตสาหกรรมปัจจุบันในประเทศไทยมีปริมาณกากอินทรีย์กว่า 8.5 ล้านตัน แต่บริษัทรับกำจัดได้ราว 3.7 แสนตัน สะท้อนว่ายังมีโอกาสเติบโตอีกค่อนข้างมาก ส่วนธุรกิจการผลิตและจำหน่ายก๊าซชีวภาพ มองว่าเป็นพลังงานสะอาดทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิลได้ดี ซึ่งปัจจุบันความต้องการตลาดค่อนข้างสูงมาก จึงมองว่ายังมีโอกาสเติบโตทั้งในส่วนของพื้นที่ปัจจุบันที่กำลังขยายกำลังการผลิตเพิ่ม รวมทั้งในนิคมอุตสาหกรรมยังมีอีกหลายพื้นที่ที่บริษัทสามารถขยายธุรกิจออกไปได้
ด้วยศักยภาพที่โดดเด่นในการบริการรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร รวมทั้งผลิตและจำหน่ายก๊าซชีวภาพและไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดอยู่ในเมกะเทรนด์ TEBP จึงเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจอื่นๆ สนับสนุนการเติบโตสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Economy) อย่างยั่งยืน สอดรับเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero ของประเทศไทย จะสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้ในระยะยาว
วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมนำเงินที่ได้ไปใช้ลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ (Biogas) และการบริหารจัดการกากอินทรีย์ (Organic Waste Management หรือ OWM) และการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต หรือการต่อยอดการให้บริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจปัจจุบันของ TEBP และเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมถึงเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
นอกจาก จะระดมทุนเพื่อขยายธุรกิจและผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดแล้ว ยังมีเป้าหมายสำคัญในการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจต่างๆ ให้สามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดเพื่อทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล สอดคล้องกับนโยบายของประเทศไทยในการส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก ที่สำคัญโมเดลธุรกิจของ TEBP ยังสามารถตอบโจทย์ด้านการลดผลกระทบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งจากองค์กรและลูกค้า การระดมทุนครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันให้ TEBP เข้าสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์อย่างครบวงจรของประเทศไทย
ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการลงทุนพัฒนาเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสำหรับรองรับความต้องการของลูกค้า ได้แก่ บ่อหมักกากอินทรีย์และผลิต Biogas Zone 3.2 คาดสร้างเสร็จในไตรมาส 2-ไตรมาส 3/69 และโครงการบ่อหมักกากอินทรีย์และผลิต Biogas สำหรับกากปิโตรเคมี คาดก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาส 1/69 เมื่อทั้ง 2 โครงการแล้วเสร็จ จะทำให้บริษัทมีปริมาณกากอินทรีย์สูงสุดที่สามารถรับกำจัดได้ 1,092,960 ตันต่อปี และมีปริมาณก๊าซชีวภาพที่สามารถผลิตได้สูงสุด 58,330,800 ลบ.ม./ปี
นางรัชดา เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) (KGI) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ TEBP กล่าวว่า ด้วยโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่งและเป็นผู้ให้บริการรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ครบวงจร ภายใต้ทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์มายาวนาน รวมไปถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และแผนการระดมทุนที่มีความชัดเจน จะสร้างโอกาสการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับ TEBP รวมถึงยังมีกลุ่ม บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ [TEGH] เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ พร้อมสนับสนุนและสร้างโอกาสการเติบโต จึงมีข้อได้เปรียบจากการใช้ Ecosystem ในกลุ่มได้อย่างเต็มศักยภาพ ทำให้มั่นใจว่า TEBP จะได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากนักลงทุน
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (65-67) มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 188.41 ล้านบาท, 221.28 ล้านบาท และ 251.01 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 24.76 ล้านบาท 76.90 ล้านบาท และ 68.35 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนงวดบัญชี 6 เดือนปี 68 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 166.03 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 44.37 ล้านบาท