บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น [ILINK] เปิดเผยผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกของปี 68 สร้างรายได้รวมจากทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ จำนวน 4,764.96 ล้านบาท ลดลง 7.44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีกำไรสุทธิรวม 221.77 ล้านบาท ลดลง 59.67% YoY ขณะที่ไตรมาส 3/68 บริษัทมีรายได้รวม 1,672.17 ล้านบาท ลดลง 8.60% YoY และ กำไรสุทธิ 60 ล้านบาท ลดลง 64.69% YoY
นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่ม ILINK กล่าวว่า ตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา ILINK สามารถรักษาผลการดำเนินงานให้อยู่ในระดับมั่นคง ทั้งด้านรายได้และกำไรสุทธิ โดยยังคงรักษาความแข็งแกร่งในทั้งสามกลุ่มธุรกิจหลัก แม้สภาวะเศรษฐกิจและตลาดจะมีความผันผวน กลุ่มบริษัทมุ่งเน้นบริหารจัดการต้นทุนอย่างรัดกุม พร้อมเดินหน้าลงทุนในเทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว
อีกทั้ง ILINK ยังคงมองเห็นแนวโน้มธุรกิจในครึ่งหลังของปี 68 ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจนำเข้า และจัดจำหน่ายสายสัญญาณ และอุปกรณ์เครือข่าย ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นชัดเจน จากการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี และการขยายตัวของภาคดิจิทัลทั่วประเทศ
- ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (Cabling Distribution Business) ที่เป็นหัวใจสำคัญของ ILINK มากว่า 38 ปี ยังคงเป็นเสาหลักในการสร้างรายได้ โดยในรอบ 9 เดือนแรกปี 68 ทำรายได้รวม 2,202.21 ล้านบาท ลดลง 10.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 243.02 ล้านบาท ลดลง 8.15% ถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ เป็นผลจากผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ LINK AMERICAN CABLING และ GERMAN RACK ยังคงได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด ทั้งในภาคธุรกิจเอกชน หน่วยงานรัฐ และกลุ่มผู้รับเหมาโครงข่ายมืออาชีพ ที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้า และการบริการ
ขณะเดียวกัน ปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจดิจิทัล การผลักดันการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน Data Center, AI, และ Green Technology รวมถึงจากการที่ภาครัฐเดินหน้ากระตุ้นการลงทุนด้าน Data Center และโครงการ Fast Pass บริษัทฯ มองว่าหากประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้ จะเป็นปัจจัยบวกที่ชัดเจน และสำคัญอย่างยิ่ง ต่อกลุ่มธุรกิจเทรดดิ้งของ ILINK เนื่องจากเป็นสินค้า และโซลูชันที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเหล่านี้ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว จะสามารถช่วยสนับสนุน และผลักดันให้คำสั่งซื้อในอนาคตของกลุ่มบริษัทฯ เติบโต และขยายตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
- ธุรกิจวิศวกรรมโครงการ (Turnkey Engineering Business) ในไตรมาส 3/68 มีรายได้ 382.98 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 8.51 ล้านบาท ลดลง 89.65% โดยกำลังเตรียมประมูลโครงการ Submarine Cable 230 KV ขนอม-เกาะสมุย 2 วงจร งบประมาณของโครงการ 9,125 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยบริษัทร่วมมือกับ LS Cable & System ในกลุ่ม LG (Lucky Goldstar/Korea) และจะประกวดราคาวันที่ 25 พ.ย.68 นี้ รวมถึงโครงการวางสายเคเบิลใต้น้ำระบบ 115 เควี ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ไปยังเกาะสมุย มูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเป็นผู้ชนะประมูล และอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากคณะกรรมการ PEA เพื่อเริ่มดำเนินงาน
- ธุรกิจโทรคมนาคมและดาต้าเซ็นเตอร์ (Telecom & Data Center Business) ภายใต้การดำเนินงานของ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม [ITEL] 9 เดือนแรกปี 68 มีรายได้รวม 2,181.51 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 9.24 ล้านบาท โดยหากไม่รวมรายการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ (ECL) รอเก็บเงินจากลูกค้าบางรายรวม บริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานกว่า 40 ล้านบาท สะท้อนความแข็งแรงของธุรกิจหลัก และแนวโน้มการเติบโตที่มั่นคง บริษัทอยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อจัดเก็บเงินดังกล่าวกลับมาให้เร็วที่สุด
ผลประกอบการไตรมาส 3/68 ทำรายได้รวม 712.12 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 40.35 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการตั้งสำรอง ECL จำนวน 36.57 ล้านบาท เพื่อบริหารความเสี่ยงทางบัญชีตามมาตรฐานการเงิน ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการดังกล่าว ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงอยู่ในระดับทรงตัว และพร้อมกลับมาเติบโตได้ตามปกติในไตรมาส 4/68 บริษัทมีความคาดหวังต่อการดำเนินโครงการสำคัญระดับประเทศ เช่น โครงการอินเทอร์เน็ตชายขอบระยะที่ 3 (USO Phase 3) ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการยกระดับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศ พร้อมทั้งต่อยอดรายได้จากโครงข่ายและดาต้าเซ็นเตอร์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้ง เตรียมรุกอาเซียนเต็มรูปแบบ ITEL ยังเดินหน้าขยายศักยภาพเชิงกลยุทธ์ผ่านการดึงพันธมิตรจากสิงคโปร์ Super Sea Cable Networks Pte. Ltd. (SEAX Asia) เข้ามาร่วมถือหุ้น เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน "ITEL Global" ที่จะเป็นหัวหอกในการขยายธุรกิจด้าน Regional Connectivity และ Data Center ไปยังตลาดอาเซียน โดยวาระดังกล่าวจะถูกเสนอเข้าสู่การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 พ.ย.นี้
"เรายังคงยึดมั่นในแนวทางบริหารจัดการต้นทุนอย่างรัดกุม และมุ่งลงทุนในเทคโนโลยี เพื่อยกระดับศักยภาพขององค์กร โดยบริษัทฯ มีแผนเข้าร่วมประมูลงานของทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งหวังได้รับการคัดเลือกให้มากที่สุด เพื่อเสริมพอร์ตโครงการ และเพิ่มรายรับในระยะยาวที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในอนาคต ด้วยศักยภาพของทั้งสามกลุ่มธุรกิจหลัก และทิศทางการขยายตลาดเชิงรุกควบคู่กับการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ILINK มั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตที่มั่นคง ยั่งยืน และสร้างคุณค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนต่อไป ภายใต้หลักกลยุทธ์ "Quality Growth เติบโต ต่อเนื่อง และยั่งยืน แบบมีคุณภาพครับ" นายสมบัติ กล่าว