PHOL กำไรพุ่งสวนทางรายได้ ชูมาร์จิ้นสูง 29.97% จากกลยุทธ์สินค้าใหม่-บาทแข็ง หนุนโมเมนตัมธุรกิจยาว

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 19, 2025 13:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธันยา หวังธำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ผลธัญญะ [PHOL] เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 3/68 มีรายได้จากการขายและบริการรวม 261.44 ล้านบาท แม้ลดลงเล็กน้อย 1.53% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่บริษัทสามารถเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นเป็น 29.97% จาก 23.70% หรือเพิ่มขึ้นกว่า 24.55% แรงหนุนจากการขายสินค้าใหม่และสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง

อีกทั้งได้รับอานิสงส์เงินบาทแข็งค่าช่วยลดต้นทุนสินค้า ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 17.71% อยู่ที่ 23.93 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 19.44 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 7.41% ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อน เนื่องจากในปีก่อนมีเรื่องการรับรู้ผลขาดทุนในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลจากการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อย จึงมีค่าใช้จ่ายภาษีที่ต่ำกว่าอัตราปกติ

กลุ่มสินค้าและบริการด้านความปลอดภัย อาชีวอามัย และสภาพแวดล้อม หรือ SAFETY ยังคงเป็นรายได้หลักกว่า 75% ของพอร์ต เติบโตต่อเนื่องจากยอดขายอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (PPE) โดยเฉพาะกลุ่มรองเท้าเซฟตี้ ที่มีการออกสินค้ารุ่นใหม่ทั้งที่แบรนด์บริษัท "ROCC" และกลุ่ม Premium Brands เช่น Skechers Work และ Puma Safety เป็นต้น ซึ่งได้รับการตอบรับดีจากทั้งภาคอุตสาหกรรมและผู้บริโภคทั่วไป ขณะที่กลุ่มสินค้า Medical & Healthcare หรือ สินค้าทางการแพทย์และสุขภาพ แม้ยอดขายภาครัฐชะลอตัว แต่ยอดขายออนไลน์ยังขยายตัวโดดเด่น ซึ่งบริษัทได้มีการพัฒนาช่องทางการขายออนไลน์ต่อเนื่องทั้งที่เป็นเว็บไซต์ขายสินค้าของบริษัทเองรวมถึงช่องทางมาร์เก็ตเพลส ต่างๆ ทั้งนี้ PHOL เดินหน้าต่อยอดกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มสินค้าใหม่ครอบคลุมสินค้าเพื่อความปลอดภัยและสุขภาพ รวมถึงการพัฒนาช่องทางขาย ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในภาคอุตสาหกรรมและตลาดคอนซูมเมอร์

งวด 9 เดือนแรกปี 68 บริษัทมีรายได้รวม 755.40 ล้านบาท ใกล้เคียงปีก่อน แต่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 27.93% จากอัตราฯ 25.36% ในปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงานพุ่ง 22% แตะ 65.57 ล้านบาท สะท้อนถึงการปรับพอร์ตสินค้าและบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ แม้เผชิญภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย

โครงสร้างรายได้ในงวด 9 เดือนปี 68 การเติบโตสำคัญมาจากสินค้าหลักในกลุ่มสินค้าและบริการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (SAFETY) มีสัดส่วน 75.33% เติบโตจากปีก่อนราว 2.24% ตามด้วย สินค้าทางการแพทย์และสุขภาพ 4.90% เติบโตจากปีก่อนราว 32.24% อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มสินค้าด้านการควบคุมสภาพแวดล้อม (CE) มีสัดส่วน 16.37% ปรับตัวลดลงตามลูกค้าหลักในอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ที่ยังชะลอตัว ด้านกลุ่มสินค้าและบริการด้านระบบบำบัดน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค (WATER) มีสัดส่วน 3.87% รายได้ปรับตัวลดลงตามภาวะเศรษฐกิจและการชะลอโครงการลงทุนของลูกค้าบางส่วน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ