นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิจัยสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะปรับขึ้น ตามตลาดต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) รายงานรายได้-กำไรดีกว่าคาด รวมถึง Guidance ดีกว่าตลาดคาด น่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นกลุ่มเทคโนโลยีกลับมา ตลาดหุ้นอยู่ในภาวะ Risk on โดยตลาดภูมิภาคเปิดบวก จึงคาดว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะรับปัจจัยนี้ด้วย
ส่วนปัจจัยในประเทศ คาดว่ารัฐบาลจะออกโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 โดยวางแผนจะเริ่มในเดือน ม.ค.69 ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด จากกระแสข่าวระบุว่าวงเงินเฟส 2 จะใกล้เคียงกับเฟส 1 ที่มีวงเงิน 4 หมื่นล่านบาท ซึ่งพิจารณางบกลางปี 69 รัฐบาลยังมีวงเงินอยู่ 7 หมื่นล้านบาท และวงเงินที่เหลือจากเฟส 1 ประมาณ 6 พันล้านบาท ดังนั้นจึงเห็นว่าโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 น่าจะมีความเป็นไปได้สูง ซึ่งประเด็นนี้จะช่วยหนุนตลาดหุ้น และต้องติดตามในรายละเอียด
ขณะที่รายงานการประชุมของธนาคารกลางสหัฐฯ (เฟด) เมื่อ 28-29 ต.ค. (Fed minutes) ระบุ คณะกรรมการเฟดมีมุมมองระมัดระวังในการลดดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. แต่ตลาดไม่ได้ตอบรับข่าวนี้ และน่าจะรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรวันนี้ โดยตลาดมีมุมมองเกี่ยวกับการประชุมเฟดในเดือนธ.ค.ไปพอสมควรแล้ว ให้น้ำหนักลดดอกเบี้ย 50% แต่ตอนนี้ลดลงมาเป็น 33% ว่าจะไม่ลดดอกเบี้ย ดังนั้น จึงมองว่าประเด็นนี้ impact ตลาดน้อย
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันเมื่อคืนที่ปรับตัวลงกว่า 2% ตอบรับข่าวที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเตรียมจะเจรจาสันติภาพกับรัสเซียและยูเครน ต้องรอดูท่าทีของ 2 ประเทศดังกล่าว อย่างไรก็ดี ภาพใหญ่มองว่าราคาน้ำมันดิบจะอยู่ในช่วง 60-67 เหรียญ/บาร์เรล แต่มองว่าประเด็นนี้มีน้ำหนักน้อย
พร้อมให้กรอบแนวรับ 1,270 จุด แนวต้าน 1,285 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (19 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,138.77 จุด เพิ่มขึ้น 47.03 จุด หรือ +0.10%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,642.16 จุด เพิ่มขึ้น 24.84 จุด หรือ +0.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,564.23 จุด เพิ่มขึ้น 131.38 จุด หรือ +0.59%
- ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดเช้าบวก ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 49,129.29 จุด เพิ่มขึ้น 591.59 จุด หรือ +1.22%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 25,999.78 จุด เพิ่มขึ้น 169.13 จุด หรือ +0.65% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,960.70 จุด เพิ่มขึ้น 13.96 จุด หรือ +0.35%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 พ.ย.) 1,272.17 จุด เพิ่มขึ้น 2.13 จุด (+0.17%) มูลค่าซื้อขาย 30,423.09 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (19 พ.ย.)1,460.73 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. (19 พ.ย.) ลดลง 1.30 ดอลลาร์ หรือ 2.14% ปิดที่ 59.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 พ.ย.) อยู่ที่ 9.96 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.46 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 32.35-32.55 รอประเมินทิศทางดอกเบี้ยเฟด
- "นายกฯหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล ออกมาเปิดชื่อ "2 แคนดิเดตนายกฯ" ของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจะช่วยเข้ามาเติมคะแนนนิยมใน การเลือกตั้งปี 2569
- "อนุทิน" หัวโต๊ะเคาะกรอบงบปี 70 วงเงิน 3.788 ล้านล้านบาท ขาดดุล 7.88 แสนล้าน เร่งไทม์ไลน์เลี่ยงสุญญากาศช่วงเลือกตั้ง ขีดเส้นชง ครม. ม.ค.69 หวังทันใช้ 1 ต.ค. แย้ม "คนละครึ่งพลัส" เฟส 2 ใช้งบใกล้เคียงกับเฟสแรก 4 หมื่นล้านบาท "บวรศักดิ์" เผย 8 ธ.ค.นี้ นายกฯ ลงนามไทยร่วมเป็นสมาชิก OECD ช่วยดัน ศก.โต
- "ทีดีอาร์ไอ" ผ่าทางตันโมเดลการพัฒนาไทย ชี้นโยบายอุตสาหกรรมเดิมล้มเหลว แม้ยอด BOI แตะ 1 ล้านล้านบาท 3 ปีซ้อน เสนอรื้อนโยบาย อุตสาหกรรมใหม่ครั้งใหญ่ มุ่งเป้าสร้างงานที่ดี มีมูลค่าเพิ่มให้คนไทย ระบบลงทุนดาต้าเซนเตอร์ได้ไม่คุ้มเสีย เสนอ 3 แนวทางพัฒนา 3 อุตสาหกรรมหลัก ทั้ง "FDI-อาหารสัตว์เลี้ยง-ท่องเที่ยวสุขภาพ" ด้วยเครื่องมือแบบใหม่ตอบโจทย์แข่งขันยุคใหม่
- 3 นายกสมาคมสื่อ-โฆษณา ต่างมองภาพอุตสาหกรรมปี 2568 มีความผันผวน การเติบโต-หดตัว ผิดจากที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงมองฉากทัศน์ปี 2569 ตัวแปรโลกคือสงครามการค้าของมหาอำนาจ ภูมิรัฐศาสตร์โลก ขณะที่ในประเทศมองการเลือกตั้ง มีรัฐบาลใหม่บริหารประเทศ การคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กำลังซื้อต่อเนื่องจะสร้างโมเมนตัมเชิงบวก
- ส.อ.ท. เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ต.ค.68 อยู่ที่ระดับ 87.3 ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 87.8 ในเดือน ก.ย.68 ซึ่งมีปัจจัยสำคัญมาจากการส่งออกสินค้าคงทนปรับตัวลดลง โดยเฉพาะในหมวดรถยนต์สันดาปและเครื่องปรับอากาศ จากอุปสงค์ที่ชะลอตัวในตลาดออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา รวมถึงผลิตภัณฑ์ไม้ในตลาดจีนและมาเลเซียที่มีคำสั่งซื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง
- "บีโอไอ" เผยการลงทุนในไทยยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยนักลงทุนไทยยังเป็นกำลังหลักยื่นคำขอรับการส่งเสริมสูงถึง 840 โครงการ มูลค่ารวม 447,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99% YoY ตามยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนใหม่ที่ผลักดันการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง นวัตกรรม และการยกระดับทักษะแรงงาน โดย 5 กลุ่มศักยภาพหลักยังคงนำตลาดทั้งเกษตร-อาหาร ดิจิทัล พลังงานสะอาด และชิ้นส่วนยานยนต์
- คลังชง BOI Fast Pass เข้า ครม.เศรษฐกิจจันทร์หน้า (24 พ.ย.) "เอกนิติ" รองนายกฯ และรมว.คลังมั่นใจเม็ดเงินลงทุนต่างชาติกว่า 3 แสนล้านบาท "กระตุกเศรษฐกิจ" ทั้งปี 69 พุ่ง เร่งผลักดันบัญชีการออมส่วนบุคคล ดันตลาดหุ้นไทย
- DELTA (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 245.00 บาท มองเชิงบวกหลัง CAPEX กลุ่มไฮเปอร์สเกลสำหรับปี 68 ถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็น 60-70% YoY จากการเปลี่ยนผ่านจาก AI training ไปสู่ AI inference และความต้องการใช้งานเพิ่มขึ้น โดยในปี 69 คาดโต 24% YoY สะท้อนการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมากในเทคโนโลยี generative AI และโครงสร้างพื้นฐานศูนย์ข้อมูล หนุนการเติบโตของรายได้ของบริษัท โดย DELTA ตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในไตรมาส 4/68 ที่ 28% ได้แรงหนุนจากสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ AI และศูนย์ข้อมูลที่มีอัตรากำไรสูงเพิ่มขึ้น และ คาดว่ารายได้ในปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 15-20%
- ITC (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 21.60 บาท ในช่วง 9 เดือนปี 68 ธุรกิจส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยไปสหรัฐฯยังเพิ่มขึ้น +10.5%y-y โดย ITC ทำได้ดีกว่ากลุ่มโดย +19.2% คำสั่งซื้อในช่วงไตรมาส 4/68 ยังดีต่อเนื่อง คาดหนุนให้กำไรไตรมาส 4/68 ยังขยายตัว q-q ผสานยังมีลูกค้าใหม่ที่อยู่ในการเจรจาเพิ่มเติม คาดมีโอกาสที่จะได้รับเลือกเข้าคำนวนดัชนี SET50 รอบถัดไป เป็นโมเมนตัมบวกระยะสั้น
- WHA (พาย) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 5.10 บาท ผลประกอบการในปี 68 มีโอกาสทำสถิติสูงสุดได้ใหม่ แม้ช่วงไตรมาส 3/68 อาจเห็นการชะลอตัวลงหลังยอดโอนเพียง 100 ไร่ คาดกำไรปกติอยู่ที่ 607 ล้านบาท (-20%YoY,-44%QoQ) อย่างไรก็ตามด้วย Backlog ที่มีกว่า 1,400 ไร่ รวมกับการที่จะบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนอีกกว่า 700 ล้านบาททให้คาดว่าในช่วงไตรมาส 4/68 จะเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการอย่างมาก