นายทรงวุธ เวชชานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนวัน จำกัด (มหาชน) หรือ STX ผู้นำในอุตสาหกรรมเหมืองหินและแร่ เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 54.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.82 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 22.01% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักของการเติบโตของกำไรสุทธิในภาพรวมมาจากผลประกอบการที่เป็นบวกในปีปัจจุบัน รวมทั้งได้รับอานิสงส์จากการกลับรายการค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิต (ECL) ซึ่งเป็นผลจากการได้รับชำระหนี้จากกลุ่มลูกหนี้การค้าในอดีตที่มีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญเต็มจำนวน
บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในงวด 9 เดือนจำนวน 116.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.39 ล้านบาท หรือ 21.12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรต่อหุ้น (EPS) งวดสะสม 9 เดือนของปี 2568 อยู่ที่ 0.18 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 0.16 บาท สะท้อนแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องของผลการดำเนินงานในปี 2568
ด้านรายได้รวมอยู่ที่ 307.68 ล้านบาท ลดลง 11.03% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการลดลงของรายได้หินแกรนิต โดยเฉพาะหินใหญ่ (Bigrock) เกิดจากความล่าช้าการก่อสร้างโครงการ จึงส่งผลให้การเข้ารับหินใหญ่ไม่เป็นไปตามแผนตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม จนถึงวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 นอกจากนี้ รายได้ของหินแกรนิต 20 มม. ยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านฤดูกาล ทำให้กิจกรรมการก่อสร้างโดยรวมชะลอตัวลง ส่งผลให้รายได้ของกลุ่มแกรนิตลดลง
ในส่วนของรายได้จากผลิตภัณฑ์หินปูนยังคงมีความต้องการเพิ่มขึ้น ส่วนผลิตภัณฑ์โดโลไมต์ปรับลดลง เป็นผลจากปริมาณการผลิตที่ลดลง โดยสัดส่วนรายได้จากหินแกรนิต อยู่ที่ 44% หินปูน 42% และแร่โดโลไมต์ 14% จากผลกระทบปัจจัยด้านฤดูกาล
ส่วนความคืบหน้าของโครงการเหมืองใหม่ จากการที่บริษัทฯได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท บุญถาวร ไมน์นิ่ง จำกัด (BTV) ในไตรมาส 2 ปี 2568 ที่ผ่านมา เพื่อเข้าถือกรรมสิทธิ์ในเหมืองหินปูนที่ตั้งอยู่ใน อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี โดยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้ลงนามในสัญญาก่อสร้างแบบ Turn-key project กับผู้รับเหมา เพื่อดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งระบบเครื่องจักรสำหรับกระบวนการผลิตอย่างครบวงจร พร้อมทั้งเร่งดำเนินการก่อสร้างงานพัฒนาหน้าเหมืองและระบบสาธารณูปโภค โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ประมาณช่วงปลายไตรมาส 1 ปี 2569 ตามแผนงานที่กำหนด
เหมืองแห่งนี้เป็นเหมืองหินปูนที่ได้รับอนุญาตประทานบัตรอายุ 29 ปี คงเหลืออายุตามประทานบัตร 26 ปี ด้วยปริมาณสำรองหินปูนตามประทานบัตร 25 ล้านตัน จะช่วยเพิ่มปริมาณสำรองหินอุตสาหกรรม และทำให้บริษัทสามารถรองรับคำสั่งซื้อในอนาคตได้มากขึ้น สนับสนุนโอกาสการเติบโตในระยะยาว และถือว่าเป็นแหล่งวัตถุดิบเชิงยุทธศาสตร์ในการสนับสนุนการผลิตของบริษัท เพิ่มความมั่นคงด้านวัตถุดิบและรองรับการขยายตัวของความต้องการในอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
"แนวโน้มไตรมาส 4 โค้งสุดท้ายของปี คาดว่ายังมีการเติบโตที่ดี บริษัทเตรียมพร้อมรับโอกาสจากการฟื้นตัวของงานก่อสร้าง โดยเฉพาะงานโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เนื่องจากธุรกิจเหมืองหินและแร่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง การเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ทำได้ยาก เพราะต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และใช้เงินลงทุนสูง จึงเป็นโอกาสของ STX ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า เนื่องจากธุรกิจเหมืองของบริษัทอยู่ใกล้แหล่งก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ สร้างความได้เปรียบ เนื่องจากต้นทุนการขนส่งเป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขัน" นายทรงวุธ กล่าว