นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดดัชนีเคลื่อนไหวผันผวน โดยช่วงแรกมีโมเมนตัมบวกรับปัจจัยต่างประเทศ หลังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวถึงนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่ยังตึงตัว และมองโอกาสในการผ่อนคลายในการประชุมเดือนธ.ค. นี้ ทำให้ความน่าจะเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพิ่มขึ้น จากเดิมต้นสัปดาห์อยู่ที่ราว 30-35% หลังถ้อยแถลงขึ้นมาเป็น 63% ตลาดกลับมามีความหวังในการลดดอกเบี้ย ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น ดัชนี VIX หรือ ดัชนีความกลัวถอยลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวลงต่อ เป็นโมเมนตัมบวกต่อตลาดหุ้นเอเชียรวมทั้งตลาดหุ้นไทย
อย่างไรก็ตามปัจจัยในประเทศ ต้องติดตามการปรับพอร์ต MSCI ช่วงปิดตลาด คาดการณ์เม็ดเงินไหลออกราว 2.5
ขณะที่สัปดาห์นี้แนะติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ที่จะมีการพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และตัวเลขเศรษฐกิจของไทย อาทิ ตัวเลขภาคการส่งออก ด้านปัจจัยต่างประเทศติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ อาทิ ยอดค้าปลีก
โดยให้กรอบแนวรับ 1,240 จุด และแนวต้าน 1,280 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (21 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 46,245.41 จุด เพิ่มขึ้น 493.15 จุด หรือ +1.08%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,602.99 จุด เพิ่มขึ้น 64.23 จุด หรือ +0.98% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,273.08 จุด เพิ่มขึ้น 195.03 จุด หรือ +0.88%
- ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดบวก ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 25,452.87 จุด เพิ่มขึ้น 232.85 จุด หรือ +0.92% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,848.66 จุด เพิ่มขึ้น 13.77 จุด หรือ +0.36% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ พุ่งขึ้น 1.28% ขณะที่ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ปรับตัวขึ้น 1.08% ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณแรงงาน
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 พ.ย.) 1,254.40 จุด ลดลง 27.41 จุด (-2.14%) มูลค่าซื้อขาย 36,090.12 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (21 พ.ย.) 3,187.71 ล้านบาท
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (21 พ.ย.) ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.59% ปิดที่ 58.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 พ.ย.) อยู่ที่ 5.86 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.47 ทรงตัวจากสัปดาห์ก่อน ตลาดไร้ปัจจัยใหม่ คาดกรอบวันนี้ 32.35-32.55
- รัฐบาลเดินหน้าปรับโครงสร้างการคลังครั้งใหญ่ ตั้งธงลดขาดดุลให้ต่ำกว่า 3% ของ GDP ภายในปี 2572 พร้อมวางโรดแมปขึ้น VAT แบบขั้นบันไดเป็น 10% ปี 2573 พร้อมรื้อโครงสร้างภาษีเงินได้-ภาษีบาป-น้ำมัน ด้านเอกชนหวั่นต้นทุนพุ่ง-กำลังซื้อหด จี้รัฐทำมาตรการรองรับครบชุดก่อนเดินหน้าปรับภาษีจริง
- ในการประชุม ครม. วันที่ 25 พ.ย.68 กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้พิจารณาอนุมัติ มาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้าแบบเหมาจ่ายรายวัน 40 บาทต่อคน หรือตั๋ววันละ 40 บาท สำหรับการใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดง โดยผู้โดยสารสามารถขึ้นรถไฟฟ้าได้ไม่จำกัดจำนวนรอบในหนึ่งวัน โดยให้มีผลบังคับเริ่มใช้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.68-30 พ.ย.69 สาเหตุที่ต้องการให้เริ่ม 1 ธ.ค.68 เนื่องจากโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทจะสิ้นสุด 30 พ.ย.68 นี้
- "พาณิชย์" เร่งขยายตลาด ส่งออกใหม่ บุกตลาดศักยภาพ ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้า 1.39 แสนล้าน วางไทม์ไลน์ปิดดีล เอฟทีเอ 3 ตลาด เร่งสรุปข้อตกลงไทย-เกาหลี พร้อมเสนอข้อตกลงไทย-อีเอฟทีเอเข้าสภา ม.ค.ปีหน้า สศช.หนุนรัฐบาลเร่งขยายตลาดใหม่ กระจายความเสี่ยง ลดพึ่งส่งออกไปสหรัฐ
- ธปท. เตรียมใช้กฎหมายสถาบันการเงิน "ปราบทุนเทา" รวมถึงธุรกรรมผิดปกติครั้งแรก เตรียมให้ธนาคารรายงานธุรกรรมต้องสงสัยโดยตรง เร่งปิดจุดอ่อน "ร้านทอง-ร้านแลกเงิน" สกัดเงินบาทแข็งค่า เผยอยู่ระหว่างตั้งกองทุนค้ำประกัน เอสเอ็มอี "2 หมื่นล้าน" เอื้อปล่อยกู้เอสเอ็มอี แสนล้านบาท ลดปัญหาสินเชื่อหดตัว ต่อเนื่อง 13 ไตรมาส
- สำนักงานการบินพลเรือน แห่งประเทศไทย (CAAT) ได้เข้าร่วมการประชุม Slot Conference ครั้งที่ 157 (SC157) ณ กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ได้ประสานงานและหารือโดยตรงกับ Slot Coordinator ของสนามบินหลัก ทั่วโลก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของตารางการบินที่วางแผนไว้ และสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการขยายเส้นทางและการพัฒนาเครือข่าย ซึ่งส่งผลดีต่อผู้ใช้บริการการเดินทางทางอากาศในการมีทางเลือกของผู้ให้บริการที่หลากหลายและการเชื่อมต่อเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ
*หุ้นเด่นวันนี้
- SAWAD (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 31.00 บาท คาดกำไรหลักไตรมาส 4/68 เติบโตทั้ง QoQ และ YoY จากความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ผสานกับ NIM ที่เริ่มทรงตัว และการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ที่ดอกเบี้ยจ่ายลดลง นอกจากนี้การขาดทุนรถยืดลดลง รวมทั้งการตั้งสำรองผ่อนคลาย สะท้อนคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ขณะที่ Valuation ปัจจุบันเทรดเพียง PE 8 เท่า อยู่ในระดับที่น่าสนใจ
- WHAUP (ฟินันเซียไซรัส) แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 5.20 บาท ธุรกิจขายน้ำน้ำให้กับกลุ่มธุรกิจ Data Centre ในนิคมอุตสาหกรรม WHA ยังมีแนวโน้มเป็นบวก ปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายน้ำอุตสาหกรรมกับ Data Centre แห่งหนึ่งแล้วประมาณ 28 ล้านลูกบาศ์กเมตร และคาดจะมีรายได้ตามสัญญาปีละ 600-700 ลบ. และยังอยู่ระหว่างการทำสัญญาซื้อขายน้ำกับ Data Centre อีกหนึ่งแห่งราว 17-29 ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมการจัดสรรน้ำส่วนเกินปี 68 จะมีต่อเนื่องไปอีก 2 ปีข้างหน้า ดังนั้นจึงมี upside จากประมาณการของเรา โดยเราอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการใหม่ ปัจจุบันคาดกำไรสุทธิปี 68 +21% YoY และปีหน้า +28%
- BA (พาย) ซื้อ ราคาเป้าหมาย 21.10 บาท ปัจจัยบวกจากผลประกอบการงวดไตรมาส 3/68 ที่ออกมาดีมากมีกำไรสุทธิสูงถึง 1,041 ล้านบาท (+55%YoY, +159%QoQ) จากการเป็นช่วง High Seasons ของเส้นทางเกาะสมุย ขณะที่กลุ่ม ลูกค้าต่างประเทศของ BA ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวจากยุโรป ที่ในปี 68 นี้ยังเห็นการเติบโตได้ แม้ภาพรวมนักท่องเที่ยวที่เข้ามาไทยจะปรับตัวลดลง