โบรกเกอร์เชียร์หุ้น บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล [MINT] ทิศทางไตรมาส 4/68 รับโมเมมตัมบวกยอดจองโรงแรมล่วงหน้าดีขึ้น RevPAR โรงแรมทุกภูมิภาคกลับมาเป็นบวก รวมถึงยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ร้านอาหารกลับมาฟื้นตัว ผลักดันผลงานทั้งปี 68 กำไร 9-9.25 พันล้านบาท เติบโต 7-10% YoY และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องไปแตะ 1 หมื่นล้านบาทในปี 69
ขณะที่ MINT เตรียมเปิดดีลใหญ่จัดตั้ง REIT ภายในไตรมาส 2-3/69 ส่งไป listed ที่ตลาดหุ้นสิงคโปร์ และมีแผนจะ Spin-off ธุรกิจ Minor Food ระดมทุนและส่งเข้าตลาดหุ้น เพื่อปลดล็อก value และช่วยลดหนี้

และอีดจุดที่ทำให้หุ้น MINT น่าสนใจ คือ ปัจจุบันราคาซื้อขายที่เพียง 0.9 เท่า PBV และ 12 เท่า PER อยู่ในระดับใกล้เคียง -1.5SD ต่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีต
ล่าสุด ราคาหุ้น MINT ช่วงบ่ายวันนี้อยู่ที่ 20.60 บาท
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
ยูโอบีเคย์เฮียน ซื้อ 38.00
บัวหลวง ซื้อ 35.00
เคจีไอ Outperform 33.50
หยวนต้า ซื้อ 32.00
ทิสโก้ ซื้อ 31.00
กรุงศรี ซื้อ 30.50
ดาโอ ซื้อ 28.00
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้การประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุดจะให้มุมมองเป็นกลาง แต่บริษัทยังคงมุ่งเน้นการบริหารเงินทุน สร้างมูลค่าเพิ่มและลดภาระหนี้เป็นหลัก โดยมีแผนออกกอง REIT สำหรับโรงแรม และ IPO ธุรกิจอาหาร เพื่อปลดล็อกมูลค่าและนาเงินมาลดหนี้ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในปีหน้า
ด้านการดำเนินงานยังมีทิศทางเติบโต จากยอดจองล่วงหน้าปรับตัวดีขึ้น RevPAR ของโรงแรมกลับมาเป็นบวกในทุกภูมิภาค รวมถึง SSSG ของธุรกิจอาหารที่กลับมาฟื้นตัว เราคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/68 จะเติบโตได้ทั้ง yoy และ qoq และคงประมาณการกำไรตามเดิม
ปัจจุบัน MINT ซื้อขายที่เพียง 0.9x PBV และ 12x PER 2026F ต่ากว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวราว 1.5SD บริษัทคงเน้นการบริหารหนี้และสร้างมูลค่าเพิ่ม
ยังคงมีมุมมองเป็นกลางหลังการประชุมนักวิเคราะห์ โดยบริษัทยังคงตั้งเป้าการเติบโตของผลประกอบการที่ 15-20% ต่อปีสำหรับปี 68-71 โดยปีนี้คาดว่าการเติบโตจะทำได้ราว 13-14% สอดคล้องกับผลดำเนินงานช่วงงวด 9 เดือนแรกของปี 68 ที่เติบโต +13% yoy ขณะที่ยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารการเงินและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ
ธุรกิจโรงแรม : บริษัทมองว่าธุรกิจโรงแรมกำลังปรับตัวดีขึ้น คาด RevPAR ในไครมาส 4/68 จะเติบโตระดับเลขตัวเดียว โดยเฉพาะในไทยและยุโรป แต่มัลดีฟส์คาดว่าจะเติบโตระดับสองหลักจากการเพิ่มขึ้นของอัตราการเข้าพัก สำหรับปี 69 บริษัทคาดว่า RevPAR จะเติบโตในระดับ high single digit ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของไทย (ฐานต่ำในปีนี้) และการเติบโตต่อเนื่องของมัลดีฟส์
ธุรกิจอาหาร : SSSG ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเริ่มทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ดีขึ้นจากระดับ -0.8% ในไตรมาส3/68 จากการนำเสนอเมนูใหม่ที่ช่วยดึงดูดลูกค้ามากขึ้น
การบริหารเงินทุนและสร้างมูลค่าเพิ่ม : บริษัทยังคงศึกษาแผนเพิ่มมูลค่าธุรกิจและลดภาระหนี้ที่มีอยู่ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท จาก i) การออกกอง REIT สำหรับโรงแรม ขนาด 1.21.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วง Q2-Q3/69 ทั้งนี้บริษัทยังไม่เปิดเผยถึงสัดส่วนการถือหุ้นในกองทุน ii) การ IPO ธุรกิจอาหาร ซึ่งบริษัทเคยมีแผนนี้ก่อนหน้านี้แล้ว ปัจจุบันธุรกิจอาหารคิดเป็นสัดส่วนกำไรราว 30% ของกำไรรวม เพื่อปลดล็อกมูลค่า (unlock value) และนำเงินไปลดหนี้
บริษัทคาดว่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นของทั้งสองแผนในปี 69 ซึ่งบริษัทมองว่าการดำเนินการดังกล่าวจะไม่ส่งผลให้กำไรของบริษัทลดลง เนื่องจากคาดจะได้ผลบวกจากภาระหนี้ที่ลดลงเข้ามาช่วยเสริมที่คาด IBD/E จะลดลงจาก 1.6x เป็น 1.3-1.4x
แผนขยายธุรกิจแบบ Asset-light : บริษัทตั้งเป้าขยายจำนวนโรงแรมเป็น 850 แห่งภายในปี 71 จาก 630 แห่งในปีนี้ โดยเพิ่มสัดส่วนการขยายแบบ Asset Light (บริหาร + JV) เป็น 51% จาก 34% ในปัจจุบัน พร้อมขยายสู่ภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง และอเมริกา ซึ่งยังมีศักยภาพเติบโตสูง
สำหรับธุรกิจอาหาร บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาเป็น 4,100 สาขา (จาก 2,800 สาขา) ภายในปี 71 โดยเน้นการเติบโตผ่านแฟรนไชส์มากขึ้น รวมถึงการขยายสู่ประเทศใหม่ เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย และตลาดอื่นๆ คงประมาณการผลประกอบการ
บริษัทให้เป้าหมายกำไรปีนี้เติบโต 13-14% yoy สูงกว่าประมาณการของเราที่คาดไว้ +8% yoy ที่ 9 พันล้านบาท เราคาดว่ากำไรในไตรมาส 4/68 จะขยายตัวได้ทั้ง yoy และ qoq จากปัจจัยหนุนหลัก ได้แก่ การฟื้นตัวของโรงแรมที่เห็น RevPAR เป็นบวกในทุกภูมิภาค การเติบโตของธุรกิจอาหารที่ต่อเนื่อง และภาระดอกเบี้ยที่ลดลงตามการบริหารจัดการหนี้ที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เรายังคงประมาณการกำไรของเราไว้ตามเดิม
คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 2026F ที่ 30.50 บาท โดยอิงวิธีประเมินมูลค่าด้วย DCF ปัจจุบัน MINT ซื้อขายที่เพียง 0.9 เท่า PBV และ 12 เท่า PER ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียง 1.5SD ต่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีต สะท้อนระดับมูลค่าที่น่าสนใจ
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มองแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 4/68 มีความเป็นไปได้ที่ MINT จะได้รับโมเมนตัมเชิงบวกจากธุรกิจโรงแรม (RevPar ดีขึ้น YoY) และธุรกิจร้านอาหาร (SSSG เป็นบวก) ในประเทศไทยหลังจากปิดปรับปรุงตกแต่งห้องพักใหม่เสร็จสิ้น พ.ย.68 ดังนั้น เราจึงคงประมาณการกำไรปกติปี 68 ที่ 8.96 พันล้านบาท (+6.8% YoY) และปี 69 ที่ 1.027 หมื่นล้านบาท (+14.6% YoY) คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายสิ้นปี 69 ที่ 33.50 บาท (อิงจาก EV/EBITDA ที่ 9x หรือ -1.0S.D.)
ผู้บริหารได้นำเสนอภาพรวมการขยายธุรกิจต่อเนื่องของกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารในประเทศไทย, ญี่ปุ่น, อียิปต์, เปรู และแอฟริกาช่วงไตรมาส 3/68 โดย MINT อยู่ในขั้นตอนการเพิกถอนหลักทรัพย์ MHEA (NH Hotel Group) ออกจากตลาดหลักทรัพย์สเปน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลดลง, เพิ่มความยืดหยุ่นการบริหารงานของกลุ่ม และเอื้อต่อการจัดตั้ง REIT นอกจากนี้ยังได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.3 บาท/หุ้น จากผลการดำเนินงาน H1/68
ธุรกิจโรงแรม: บริษัทตั้งเป้าหมายสัดส่วนโมเดลธุรกิจแบบ asset-light ต่อ asset-heavy ให้สมดุลกันที่ 50:50 โดยจะเน้นเพิ่มโมเดล Asset-light ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (ลดโมเดลธุรกิจโรงแรมแบบ Asset-heavy ลงจากปัจจุบันอยู่ที่ 66%)
ทางด้าน REIT โดย MINT จะได้รับกระแสเงินสดและสามารถนำไปชำระคืนหนี้ได้ นอกจากนี้ยังจะสามารถนำกองทรัสต์ REIT รวมเข้ามาในงบการเงินได้ (สัดส่วนการถือครองที่แน่นอนยังไม่ได้ข้อสรุป) มูลค่ากองทุนอาจอยู่ที่ราว 1.2-1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคาดว่าจะเสนอ IPO ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ช่วงไตรมาส 2-3 ของปี 69
ธุรกิจ MINOR Food: มีแผนที่จะทำ IPO เพื่อปลดล็อกมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจร้านอาหารและกระจายการลงทุนไปยังประเทศใหม่ๆ เพิ่มเติม (จากปัจจุบันมีสัดส่วนต่างประเทศ 30% ในจีน, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และออสเตรเลีย) ผ่านรูปแบบแฟรนไชส์
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มองบวกเล็กน้อยจากการประชุมนักวิเคราะห์ เพราะ MINT มีแผนทำ REIT, IPO Minor Food เพื่อลดหนี้ และเตรียมซื้อหุ้นคืน โดยผู้บริหารยังคงเป้าการเติบโตของรายได้ใน 3 ปี (ปี 68-70) จะอยู่ที่ High-single digit CAGR (เราคาด 5%) และกำไรจะเติบโตได้ที่ 15-20% CAGR (เราคาด 11%)
ส่วน RevPAR ในไตรมาส 4/68 คาดยุโรปเพิ่มขึ้น +3% YoY จากไตรมาส 4/67 ที่ +8% YoY, ขณะที่ไทยเพิ่มขึ้น 5%YoY จากไตรมาส 4/67 ที่ +4% YoY ส่วนมัลดีฟส์ยังเติบโต double digit จากไตรมาส 4/67 ที่ -26% YoY ด้าน SSSG ของไทย flat YoY จากไตรมาส 4/67 ที่ -0.5% YoY
MINT เตรียมจัดตั้ง REIT ภายในไตรมาส 2-3 ปี 69 โดยจะ listed ที่ตลาดสิงคโปร์ และมีแผนจะ IPO ธุรกิจ Minor
คงประมาณการกำไรปกติปี 68 อยู่ที่ 9.25 พันล้านบาท (+10% YoY) จากการฟื้นตัวในทุกประเทศโดยเฉพาะโรงแรมที่ยุโรปและมัลดีฟส์ ขณะที่เราคาดว่าไตรมาส 4/68 จะเห็นกำไรปกติเพิ่มขึ้นทั้ง YoY/QoQ เพราะเป็นช่วง High season ที่ไทยและมัลดีฟส์ รวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ยจ่ายยังลดลงได้ดี
ปรับคำแนะนำ ขึ้นเป็น "ซื้อ" จากเดิมที่ "ถือ" MINT แต่ยังคงราคาเป้าหมายปี 69 ที่ 28.00 บาท อิง DCF (WACC ที่ 7%, terminal growth ที่ 1.5%) โดย Valuation ซื้อขายเพียง PER ที่ 13x ถูกสุดเมื่อเทียบกับ CENTEL, ERW ขณะที่แรงกดดันจากการออกจาก MSCI ใกล้ถึงวัน effective วันที่ 24 พ.ย.
https://youtu.be/zdDTAGnZ0do