CONSENSUS: MINT กลับเข้ายุคทอง! โรงแรม-อาหารฟื้นมาผงาด ดีลใหญ่ตั้ง REIT-ส่ง Food เข้าตลาดหุ้น

ข่าวท่องเที่ยว Monday November 24, 2025 14:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

CONSENSUS: MINT กลับเข้ายุคทอง! โรงแรม-อาหารฟื้นมาผงาด ดีลใหญ่ตั้ง REIT-ส่ง Food เข้าตลาดหุ้น

โบรกเกอร์เชียร์หุ้น บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล [MINT] ทิศทางไตรมาส 4/68 รับโมเมมตัมบวกยอดจองโรงแรมล่วงหน้าดีขึ้น RevPAR โรงแรมทุกภูมิภาคกลับมาเป็นบวก รวมถึงยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ร้านอาหารกลับมาฟื้นตัว ผลักดันผลงานทั้งปี 68 กำไร 9-9.25 พันล้านบาท เติบโต 7-10% YoY และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องไปแตะ 1 หมื่นล้านบาทในปี 69

ขณะที่ MINT เตรียมเปิดดีลใหญ่จัดตั้ง REIT ภายในไตรมาส 2-3/69 ส่งไป listed ที่ตลาดหุ้นสิงคโปร์ และมีแผนจะ Spin-off ธุรกิจ Minor Food ระดมทุนและส่งเข้าตลาดหุ้น เพื่อปลดล็อก value และช่วยลดหนี้

CONSENSUS: MINT กลับเข้ายุคทอง! โรงแรม-อาหารฟื้นมาผงาด ดีลใหญ่ตั้ง REIT-ส่ง Food เข้าตลาดหุ้น

และอีดจุดที่ทำให้หุ้น MINT น่าสนใจ คือ ปัจจุบันราคาซื้อขายที่เพียง 0.9 เท่า PBV และ 12 เท่า PER อยู่ในระดับใกล้เคียง -1.5SD ต่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีต

ล่าสุด ราคาหุ้น MINT ช่วงบ่ายวันนี้อยู่ที่ 20.60 บาท

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)

ยูโอบีเคย์เฮียน ซื้อ 38.00

บัวหลวง ซื้อ 35.00

เคจีไอ Outperform 33.50

หยวนต้า ซื้อ 32.00

ทิสโก้ ซื้อ 31.00

กรุงศรี ซื้อ 30.50

ดาโอ ซื้อ 28.00

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้การประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุดจะให้มุมมองเป็นกลาง แต่บริษัทยังคงมุ่งเน้นการบริหารเงินทุน สร้างมูลค่าเพิ่มและลดภาระหนี้เป็นหลัก โดยมีแผนออกกอง REIT สำหรับโรงแรม และ IPO ธุรกิจอาหาร เพื่อปลดล็อกมูลค่าและนาเงินมาลดหนี้ ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในปีหน้า

ด้านการดำเนินงานยังมีทิศทางเติบโต จากยอดจองล่วงหน้าปรับตัวดีขึ้น RevPAR ของโรงแรมกลับมาเป็นบวกในทุกภูมิภาค รวมถึง SSSG ของธุรกิจอาหารที่กลับมาฟื้นตัว เราคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/68 จะเติบโตได้ทั้ง yoy และ qoq และคงประมาณการกำไรตามเดิม

ปัจจุบัน MINT ซื้อขายที่เพียง 0.9x PBV และ 12x PER 2026F ต่ากว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวราว 1.5SD บริษัทคงเน้นการบริหารหนี้และสร้างมูลค่าเพิ่ม

ยังคงมีมุมมองเป็นกลางหลังการประชุมนักวิเคราะห์ โดยบริษัทยังคงตั้งเป้าการเติบโตของผลประกอบการที่ 15-20% ต่อปีสำหรับปี 68-71 โดยปีนี้คาดว่าการเติบโตจะทำได้ราว 13-14% สอดคล้องกับผลดำเนินงานช่วงงวด 9 เดือนแรกของปี 68 ที่เติบโต +13% yoy ขณะที่ยังคงให้ความสำคัญกับการบริหารการเงินและการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ

ธุรกิจโรงแรม : บริษัทมองว่าธุรกิจโรงแรมกำลังปรับตัวดีขึ้น คาด RevPAR ในไครมาส 4/68 จะเติบโตระดับเลขตัวเดียว โดยเฉพาะในไทยและยุโรป แต่มัลดีฟส์คาดว่าจะเติบโตระดับสองหลักจากการเพิ่มขึ้นของอัตราการเข้าพัก สำหรับปี 69 บริษัทคาดว่า RevPAR จะเติบโตในระดับ high single digit ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของไทย (ฐานต่ำในปีนี้) และการเติบโตต่อเนื่องของมัลดีฟส์

ธุรกิจอาหาร : SSSG ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเริ่มทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ดีขึ้นจากระดับ -0.8% ในไตรมาส3/68 จากการนำเสนอเมนูใหม่ที่ช่วยดึงดูดลูกค้ามากขึ้น

การบริหารเงินทุนและสร้างมูลค่าเพิ่ม : บริษัทยังคงศึกษาแผนเพิ่มมูลค่าธุรกิจและลดภาระหนี้ที่มีอยู่ประมาณ 8 หมื่นล้านบาท จาก i) การออกกอง REIT สำหรับโรงแรม ขนาด 1.21.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คาดว่าจะดำเนินการได้ในช่วง Q2-Q3/69 ทั้งนี้บริษัทยังไม่เปิดเผยถึงสัดส่วนการถือหุ้นในกองทุน ii) การ IPO ธุรกิจอาหาร ซึ่งบริษัทเคยมีแผนนี้ก่อนหน้านี้แล้ว ปัจจุบันธุรกิจอาหารคิดเป็นสัดส่วนกำไรราว 30% ของกำไรรวม เพื่อปลดล็อกมูลค่า (unlock value) และนำเงินไปลดหนี้

บริษัทคาดว่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นของทั้งสองแผนในปี 69 ซึ่งบริษัทมองว่าการดำเนินการดังกล่าวจะไม่ส่งผลให้กำไรของบริษัทลดลง เนื่องจากคาดจะได้ผลบวกจากภาระหนี้ที่ลดลงเข้ามาช่วยเสริมที่คาด IBD/E จะลดลงจาก 1.6x เป็น 1.3-1.4x

แผนขยายธุรกิจแบบ Asset-light : บริษัทตั้งเป้าขยายจำนวนโรงแรมเป็น 850 แห่งภายในปี 71 จาก 630 แห่งในปีนี้ โดยเพิ่มสัดส่วนการขยายแบบ Asset Light (บริหาร + JV) เป็น 51% จาก 34% ในปัจจุบัน พร้อมขยายสู่ภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกกลาง และอเมริกา ซึ่งยังมีศักยภาพเติบโตสูง

สำหรับธุรกิจอาหาร บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาเป็น 4,100 สาขา (จาก 2,800 สาขา) ภายในปี 71 โดยเน้นการเติบโตผ่านแฟรนไชส์มากขึ้น รวมถึงการขยายสู่ประเทศใหม่ เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย และตลาดอื่นๆ คงประมาณการผลประกอบการ

บริษัทให้เป้าหมายกำไรปีนี้เติบโต 13-14% yoy สูงกว่าประมาณการของเราที่คาดไว้ +8% yoy ที่ 9 พันล้านบาท เราคาดว่ากำไรในไตรมาส 4/68 จะขยายตัวได้ทั้ง yoy และ qoq จากปัจจัยหนุนหลัก ได้แก่ การฟื้นตัวของโรงแรมที่เห็น RevPAR เป็นบวกในทุกภูมิภาค การเติบโตของธุรกิจอาหารที่ต่อเนื่อง และภาระดอกเบี้ยที่ลดลงตามการบริหารจัดการหนี้ที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เรายังคงประมาณการกำไรของเราไว้ตามเดิม

คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 2026F ที่ 30.50 บาท โดยอิงวิธีประเมินมูลค่าด้วย DCF ปัจจุบัน MINT ซื้อขายที่เพียง 0.9 เท่า PBV และ 12 เท่า PER ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียง 1.5SD ต่ากว่าค่าเฉลี่ยในอดีต สะท้อนระดับมูลค่าที่น่าสนใจ

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มองแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส 4/68 มีความเป็นไปได้ที่ MINT จะได้รับโมเมนตัมเชิงบวกจากธุรกิจโรงแรม (RevPar ดีขึ้น YoY) และธุรกิจร้านอาหาร (SSSG เป็นบวก) ในประเทศไทยหลังจากปิดปรับปรุงตกแต่งห้องพักใหม่เสร็จสิ้น พ.ย.68 ดังนั้น เราจึงคงประมาณการกำไรปกติปี 68 ที่ 8.96 พันล้านบาท (+6.8% YoY) และปี 69 ที่ 1.027 หมื่นล้านบาท (+14.6% YoY) คงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายสิ้นปี 69 ที่ 33.50 บาท (อิงจาก EV/EBITDA ที่ 9x หรือ -1.0S.D.)

ผู้บริหารได้นำเสนอภาพรวมการขยายธุรกิจต่อเนื่องของกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารในประเทศไทย, ญี่ปุ่น, อียิปต์, เปรู และแอฟริกาช่วงไตรมาส 3/68 โดย MINT อยู่ในขั้นตอนการเพิกถอนหลักทรัพย์ MHEA (NH Hotel Group) ออกจากตลาดหลักทรัพย์สเปน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลดลง, เพิ่มความยืดหยุ่นการบริหารงานของกลุ่ม และเอื้อต่อการจัดตั้ง REIT นอกจากนี้ยังได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.3 บาท/หุ้น จากผลการดำเนินงาน H1/68

ธุรกิจโรงแรม: บริษัทตั้งเป้าหมายสัดส่วนโมเดลธุรกิจแบบ asset-light ต่อ asset-heavy ให้สมดุลกันที่ 50:50 โดยจะเน้นเพิ่มโมเดล Asset-light ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (ลดโมเดลธุรกิจโรงแรมแบบ Asset-heavy ลงจากปัจจุบันอยู่ที่ 66%)

ทางด้าน REIT โดย MINT จะได้รับกระแสเงินสดและสามารถนำไปชำระคืนหนี้ได้ นอกจากนี้ยังจะสามารถนำกองทรัสต์ REIT รวมเข้ามาในงบการเงินได้ (สัดส่วนการถือครองที่แน่นอนยังไม่ได้ข้อสรุป) มูลค่ากองทุนอาจอยู่ที่ราว 1.2-1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยคาดว่าจะเสนอ IPO ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ช่วงไตรมาส 2-3 ของปี 69

ธุรกิจ MINOR Food: มีแผนที่จะทำ IPO เพื่อปลดล็อกมูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจร้านอาหารและกระจายการลงทุนไปยังประเทศใหม่ๆ เพิ่มเติม (จากปัจจุบันมีสัดส่วนต่างประเทศ 30% ในจีน, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และออสเตรเลีย) ผ่านรูปแบบแฟรนไชส์

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มองบวกเล็กน้อยจากการประชุมนักวิเคราะห์ เพราะ MINT มีแผนทำ REIT, IPO Minor Food เพื่อลดหนี้ และเตรียมซื้อหุ้นคืน โดยผู้บริหารยังคงเป้าการเติบโตของรายได้ใน 3 ปี (ปี 68-70) จะอยู่ที่ High-single digit CAGR (เราคาด 5%) และกำไรจะเติบโตได้ที่ 15-20% CAGR (เราคาด 11%)

ส่วน RevPAR ในไตรมาส 4/68 คาดยุโรปเพิ่มขึ้น +3% YoY จากไตรมาส 4/67 ที่ +8% YoY, ขณะที่ไทยเพิ่มขึ้น 5%YoY จากไตรมาส 4/67 ที่ +4% YoY ส่วนมัลดีฟส์ยังเติบโต double digit จากไตรมาส 4/67 ที่ -26% YoY ด้าน SSSG ของไทย flat YoY จากไตรมาส 4/67 ที่ -0.5% YoY

MINT เตรียมจัดตั้ง REIT ภายในไตรมาส 2-3 ปี 69 โดยจะ listed ที่ตลาดสิงคโปร์ และมีแผนจะ IPO ธุรกิจ Minor

Food เพื่อ unlock value และช่วยลดหนี้ แต่ยังไม่มีรายละเอียดตอนนี้ ขณะที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในการซื้อหุ้นคืน ซึ่งจะช่วยพยุงราคาหุ้นได้

คงประมาณการกำไรปกติปี 68 อยู่ที่ 9.25 พันล้านบาท (+10% YoY) จากการฟื้นตัวในทุกประเทศโดยเฉพาะโรงแรมที่ยุโรปและมัลดีฟส์ ขณะที่เราคาดว่าไตรมาส 4/68 จะเห็นกำไรปกติเพิ่มขึ้นทั้ง YoY/QoQ เพราะเป็นช่วง High season ที่ไทยและมัลดีฟส์ รวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ยจ่ายยังลดลงได้ดี

ปรับคำแนะนำ ขึ้นเป็น "ซื้อ" จากเดิมที่ "ถือ" MINT แต่ยังคงราคาเป้าหมายปี 69 ที่ 28.00 บาท อิง DCF (WACC ที่ 7%, terminal growth ที่ 1.5%) โดย Valuation ซื้อขายเพียง PER ที่ 13x ถูกสุดเมื่อเทียบกับ CENTEL, ERW ขณะที่แรงกดดันจากการออกจาก MSCI ใกล้ถึงวัน effective วันที่ 24 พ.ย.

https://youtu.be/zdDTAGnZ0do


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ